ฟอร์ด เผยโฉม เรนเจอร์ แรพเตอร์ ครั้งแรกในโลก

เตรียมขายตลาด ไทย เอเชีย แปซิฟิก

       ฟอร์ด จัดงานเปิดตัว เรนเจอร์ แร็พเตอร์ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย แต่ยังไม่เปิดราคาอย่างเป็นทางการ คาดจะประกาศในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ เดือน มี.ค.

       ฟอร์ด บอกว่า แรพเตอร์ มีเป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซ็กเมนต์ตลาดรถกระบะในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ออกแบบมาเพื่อนักขับขี่แบบออฟโรด

  จามัล ฮามีดิ หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์  กล่าวว่า แรพเตอร์ เป็นการต่อยอดรถจากฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ รุ่นต้นแบบ โดยกระจังหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์

       ตัวถังดูใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ความสูง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283มิลลิเมตร มุมไต่ 32.5องศา มุมคร่อม 24 องศา และมุมจาก 24 องศา

       บันไดข้างออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง เจาะรูเพื่อให้ระบายทราย โคลน และหิมะ ผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทน ผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กิโลกรัม 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี กันชนท้ายเพิ่มชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุด รองรับการลากจูงได้ 3.8 ตัน ตัวเชื่อมขอลากที่ได้รับการติดตั้งและออกแบบพิเศษ กระบะมีขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร

แชสซีส์ ออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ

       ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อค แชสซีส์ออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากขึ้น

       ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระ ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 

    แรพเตอร์มีโหมดขับขี่ให้เลือก คือ  

       โหมดปกติ – เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

       โหมดสปอร์ต – ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ

       โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ –ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ

       โหมดโคลน/ทราย – ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง

       โหมดหิน – ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ

       โหมดบาฮา – ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ

       แรพเตอร์ ใช้เครื่องยนต์ ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด  

 

ขอบคุณข่าวจาก : bangkokbiznews.com

 

 

 


จำนวนผู้อ่าน: 2282

12 กุมภาพันธ์ 2018