นิสสันเปิดตัว “เทอร์รา” ใหม่ในฟิลิปปินส์ เล็งเปิดตัวในไทยก.ค.นี้

28 พฤษภาคม 2561 เมื่อเวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมืองคลาร์ก ประเทศฟิลิปปินส์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดเอนกประสงค์ (SUV) 7 ที่นั่ง รุ่น TERRA แบบตัวถังบนแชสซีส์ตามคำสัญญาที่จะขยายตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับลูกค้าในประเทศฟิลิปปินส์สามารถสั่งจองนิสสัน เทอร์ราใหม่ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ โดยการส่งมอบจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป

ขณะที่นิสสันมีแผนเปิดตัวนิสสัน เทอร์รา ในประเทศไทยราวเดือนกรกฎาคมนี้ และประเทศอินโดนีเซียภายในปีงบประมาณนี้ (เม.ย. 2561 – มี.ค. 2562) ก่อนจะตามมาด้วยการทำตลาดในประเทศบรูไน กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามต่อไป

“นิสสัน เทอร์รา ใหม่ พัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จของนิสสัน เอสยูวีที่ยาวนานกว่า 60 ปี เช่น นิสสัน เพโทร (Nissan Patrol) ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุด” มร. อัชวานี กุปตา รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจโครงสร้างรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ของนิสสันกล่าว

“สำหรับนิสสันเอสยูวีใหม่ได้ออกแบบให้เทอร์ราใหม่ มีความแข็งแกร่งรองรับทุกภารกิจการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมั่นใจ ขณะเดียวกันยังช่วยให้ลูกค้าของเรา สามารถปลดปล่อยความจำเจ และออกผจญภัยได้อย่างเต็มที่” มร. อัชวานี กล่าวเสริม

ทั้งนี้นิสสันเทอร์ราใหม่ พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเอสยูวีขนาดกลาง และลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเซกเมนท์ของรถเอสยูวียังคงมียอดขายอยู่ในสามอันดับแรกในตลาด และถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาคนี้และนิสสันเทอร์ราใหม่จะใช้ฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“นิสสัน เทอร์รา ใหม่ มีฐานการผลิตเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสิ่งยืนยัน และแสดงถึงความมุ่งมั่นของนิสสัน ที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อลูกค้าในภูมิภาคนี้” มร. ยูทากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียกล่าว

“เทอร์ราใหม่ นับเป็นก้าวสำคัญล่าสุด ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เชิงรุกสู่ตลาดในภูมิภาคนี้ และเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินแผนงานระยะกลางของนิสสัน หรือ Nissan M.O.V.E. 2022 สำหรับภูมิภาคนี้อีกด้วย”มร. ซานาดะกล่าวเสริม

นิสสันเทอร์ราใหม่ ตั้งชื่อตามภาษาละตินแปลว่า“โลก”(Earth)ได้รับการเปิดตัวสู่ภูมิภาคนี้วันนี้ ในพื้นที่ราบที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาไฟอันสูงตระหง่านของเมืองคลาร์ก ประเทศฟิลิปปินส์ นับเป็นตลาดลำดับที่สองในโลกหลังจากนิสสันเปิดตัวเทอร์ราเป็นครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

นิสสันเทอร์ราใหม่เป็นรถยนต์เอนกประสงค์แบบ7ที่นั่งสะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในระดับเดียวกัน มีฟังค์ชันการปรับและพับเบาะที่นั่งแถวที่สองที่พับได้เก็บได้แบบแบนราบเหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและการผจญภัยบนเส้นทางออฟโรดร่วมกับครอบครับ และเพื่อนๆ

“ความชาญฉลาดในการออกแบบรถยนต์เอนกประสงค์ให้มีสมรรถนะสูงมีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางไม่เป็นรองใครเทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้แนวคิดนิสสัน อินเทลลิเจนท์โมบิลิตี้(Nissan IntelligentMobility) ทำให้ครอบครัวหรือเพื่อนฝูงร่วมเดินทางไปด้วยกันได้อย่างมั่นใจ” มร. วินเซนต์วิจเนน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กล่าว

นิสสันเทอร์ราใหม่พัฒนาบนแชสซีส์อเนกประสงค์แบบขั้นบันได ซึ่งทำให้ตัวถังเหนียวแน่นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเหมาะกับการขับขี่บนทางแบบออฟโรดระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบไฟว์-ลิงค์ คอยล์สปริง (five-link coil spring rear suspensionsystem) และเพลาหลังที่มั่นคงแข็งแรง สร้างความมั่นใจว่าความสะดวกสบายและความนุ่มนวลที่มาพร้อมกับความทนทานและความแข็งแกร่ง

ในฟิลิปปินส์เครื่องยนต์ดีเซล YD25 มีสมรรถนะสูงสุด 190 แรงม้าและแรงบิดขนาด 450 นิวตันเมตรอัตราเร่งที่ดี และต่อเนื่องไม่เป็นรองใคร

นิสสันเทอร์ราใหม่ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหน้าเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งกว่า และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย“นิสสัน อินเทลลิเจนท์โมบิลิตี้” ประกอบด้วยระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)ระบบเตือนจุดบอดกับจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) และกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (IntelligentAroundViewMonitor) พร้อมระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหว (Moving Object Detection) นิสสันเทอร์ราเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกที่มาพร้อมกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Smart Rear View Mirror) ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังโดยไม่มีการบดบังในห้องโดยสารจากกล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถ

เทคโนโลยีความปลอดภัย ยังมาพร้อมการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นด้วยระบบ 4WD-DIFF หรือ ดิฟเฟอเรนเชียล-ล็อก 4 ล้อ และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist) รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) ที่ช่วยควบคุมความเร็วเมื่อขับขี่ลงในเส้นทางที่ลาดชัน

รถยนต์เอสยูวีรุ่นนื้คือ ยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบสำหรับภูมิภาคนี้ด้วยระยะความสูงจากพื้นถึงท้องรถถึง225มม.ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากการขับขี่บนถนนขรุขระและเส้นทางที่ไม่ราบเรียบ รวมถึงในพื้นที่น้ำท่วมอีกด้วย

 

ที่มา ​: prachachat.net

 

 

 

 

 

 


จำนวนผู้อ่าน: 2648

30 พฤษภาคม 2018