เอ็กซอน ปักหมุดไทยศูนย์ใหญ่ “แบ็คออฟฟิศ” ซัพพอร์ต 64 ปท.ทั่วโลก

“เอ็กซอน”ยักษ์พลังงานสหรัฐ ยึดไทยเป็น”ศูนย์บริการงานหลังบ้าน” ซัพพอร์ตธุรกิจในเครือ 64 ประเทศ เผยภารกิจครอบคลุมทั้งงานบัญชี-ไอที-ศูนย์บริการลูกค้าและเอชอาร์ ดูแลพนักงาน 90,000 คนทั่วโลก “เอ็กซอนไทย”เร่งขยายคนเพิ่มทะลุ 2,200 คน เดินสายจีบคนทำงานทั้งนักเรียนทุน -นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังร่วมงาน

ผู้สื่อข่าว”ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า “เอ็กซอนโมบิล”เครือข่ายธุรกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในประเทศไทยมี3 ธุรกิจหลัก คือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดูแลโรงกลั่นน้ำมัน-ปิโตรเคมี และค้าปลีกน้ำมัน ,บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราชอิงค์ จำกัด ดูแลธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เช่น แหล่งสินภูฮ่อม ในจังหวัดอุดรธานี และบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการธุรกิจ(Business Support Center) ให้กับเครือข่ายธุรกิจของเอ็กซอนโมบิลทั่วโลก

เอ็กซอนยึดไทยฐาน”แบ็คออฟฟิศ”

นางยุพา ว่องไวทยา ผู้จัดการฝ่ายบุคคล บริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ศูนย์บริการธุรกิจ หรือ BSC (Business Support Center) ในไทยได้กลายเป็นศูนย์บริการธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (บริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา) เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนและให้บริการธุรกิจในเครือเอ็กซอน 64 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเดิมเอ็กซอนในเอเชียแปซิฟิกเอ็กซอนมีศูนย์ BSC อยู่ที่กรุงเทพฯ มาเลเซีย เซียงไฮ้ ประเทศจีน แต่เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานในประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้นมาก ทางบริษัทแม่จึงปรับเปลี่ยนงานในส่วนสาขาเซี้ยงไฮ้มาไว้ที่ศูนย์ในประเทศไทยแทน

 

ศูนย์บริการธุรกิจ จะดูแลระบบ “ภายในองค์กร”เกือบทั้งหมด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ทำงานได้” ครอบคลุมทั้งงานด้านบัญชี งานจัดซื้อ งานด้านไอที ศูนย์บริการลูกค้า งานทรัพยากรบุคคล (HR) เช่น การจัดโปรแกรมอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร พร้อมทำระบบแจ้งเตือนพนักงานให้เรียน หรืออบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับงานที่รับผิดชอบ การจัดการคำนวนผลตอบแทนพนักงาน ตามอัตราค่าครองชีพที่ต่างกัน การจัดการส่งพนักงานไปทำงานต่างประเทศ รวมจนถึงการดูแลพนักงานที่เกษียณอายุไปแล้ว เบ็ดเสร็จศูนย์บริการฯ จะต้องดูแลพนักงานในเครือเอ็กซอนทั่วโลก 90,000 คน และหากธุรกิจในเครือเอ็กซอนทั่วโลกขยายตัว ศูนย์บริการฯ นี้ก็จะต้องขยายตัวตามด้วยเช่นกัน

“ยกตัวอย่างงานของศูนย์ไอที ที่ทุกวันนี้กลายเป็นส่วนเสริมให้การทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทุกกลุ่มธุรกิจในเอ็กซอนต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมไปถึงโรโบติกและระบบออโตเมชั่นต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น รวมถึงงานตอบรับอีเมลล์ที่ส่งเข้ามาจากลูกค้า ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่รู้ว่าทางเอ็กซอนได้รับอีเมลล์หรือไม่ เอ็กซอนจึงต้องสร้างระบบช่วยตอบอีเมลล์ เป็นต้น”

รับพนักงานเพิ่ม 300 คน

นางยุพากล่าวว่า จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทต้องสรรหาพนักงานใหม่รวม 400 คน เพื่อรองรับงานทั้งในส่วนของ BSC และธุรกิจอื่นๆ  เช่น ธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน แต่เป็นสัดส่วนไม่มากเท่ากับส่วนงาน BSC

สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดรับพนักงานอีกประมาณ 300 คน โดยตั้งแต่ต้นปีรับไปแล้วราว 250 คน โดยปัจจุบันเอ็กซอนในไทยมีพนักงานทั้งหมด 2,900 คน ในจำนวนนี้เป็นพนักงานของศูนย์บริการธุรกิจประมาณ 2,200 คน ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานอยู่ 3 แห่ง คือ เอสโซ่ ทาวเวอร์ , อาคารหะรินธร และอาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี

“ศูนย์ BSC ของเอ็กซอนในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากบริษัทแม่ที่ให้ดูแลงานเกี่ยวกับหลังบ้านทั้งหมด จากเดิมที่ดูแลเฉพาะแถบเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก เหตุผลที่เลือกไทยเป็นศูนย์ดูแลงานหลังบ้านทั้งหมดเพราะต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ และบุคลากรมีประสิทธิภาพ ซึ่งพนักงานในศูนย์นี้เป็นคนไทย 90% และเป็นต่างชาติราว 10% เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า ศูนย์นี้สามารถบริการคนของเอ็กซอนได้ทั้งโลก”นางยุพากล่าวและว่า

อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางบริษัทแม่ ก็มีการพิจารณาที่จะเปิดศูนย์บริการธุรกิจที่ประเทศอินเดีย เพิ่มอีกแห่งเพื่อรองรับงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอินเดียมีบุคลากรให้เลือกสรรจำนวนมาก รวมทั้งมีความได้เปรียบได้ต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ

ปลดล็อกปัญหาเรื่องคน

ขณะที่นโยบายด้านบุคลากรของเอ็กซอนคือ”สร้างคน” มากกว่าใช้วิธี “ซื้อคน” เข้ามาทำงาน โดยพนักงานที่รับเข้ามาในแต่ละปี กว่าจะทำงานได้เต็มที่จนถึงระดับเชี่ยวชาญต้องใช้เวลาถึง 10 ปี แม้จะเป็นองค์กรใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนพนักงานค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกัน แต่บริษัทก็ต้องเผชิญปัญหาเรื่องบุคลากรเช่นกัน ใน 3 ประเด็นคือ 1. ถูกบริษัทใหญ่ทาบทามเสนออัตราเงินเดือนสูงกว่า 2. เอ็กซอนต้องการพนักงานที่เก่งด้านภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จึงมาจากคณะศิลปศาสตร์และอักษรศาสตร์ ซึ่งขาดความรู้ในเชิงธุรกิจ และ 3. พนักงานรุ่นใหม่จะทำงานไม่เกิน 3 ปี และจะลาออกเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโททั้งในและต่างประเทศ

จากทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวทำให้ฝ่ายพัฒนาบุคคลของเอ็กซอนต้องหาวิธีแก้ไข และจูงใจพนักงานมากขึ้น ขณะนี้บริษัทได้ลงพื้นที่ทาบทามหาพนักงานตั้งแต่ระดับนักเรียนทุนเช่น นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS และนักศึกษาที่ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดึงเข้ามาทำงานหลังเรียนจบ และเพื่อแก้ปัญหาในส่วนของพนักงานที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโท-เอก จะใช้วิธีให้ “ทุนการศึกษา” ที่มีเงื่อนไขว่ายังคงทำงานกับเอ็กซอนฯ และใช้เวลาหลังเลิกงานหรือเรียนในวันหยุดแทน

นางยุพากล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายส่งพนักงานที่มีความสามารถไปทำงานต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการทำงานในบริษัทแม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเอ็กซอนจะผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่ ค่าที่พัก การหาโรงเรียนให้กับบุตรของพนักงาน เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้งานการทำงานในระดับสากล และนำประสบการณ์ที่ได้กลับมาพัฒนาสาขาในไทยต่อไป นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการโชว์ศักยภาพของคนไทยที่ทำงานได้ตามมาตรฐานสากล และเติบโตในอาชีพต่อไป

“แต่ละปีพนักงานไทยเทิร์นโอเวอร์อยู่ที่ 7-8% หรือประมาณ 200 คน เป็นเรื่องปกติ ก็ต้องหาพนักงานใหม่มาเติม ส่วนใหญ่บริษัทจะรับเป็นพนักงานประจำ เพราะต้องการเทรนด์คนต่อเนื่อง ที่สำคัญเอ็กซอนต้องการพนักงานที่มีความสนใจในงานอื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานในแผนกของตัวเอง ซึ่งเป็นนโยบายของเอ็กซอนที่พนักงานจะต้องมีความรู้ในงานอื่นๆ ด้วยการเวียนย้ายคนทำงานให้มีความรู้ในธุรกิจของเอ็กซอนอย่างน้อย 14-15 จ๊อบ”

 

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-197999

 


จำนวนผู้อ่าน: 1771

01 สิงหาคม 2018