เป็นกระแสฮือฮาในกลุ่มธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์อย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ว่าด้วย มาตรฐานการประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่จะออกมาบังคับใช้แทนฉบับ พ.ศ. 2561
และมีประกาศออกมาและลงนามโดย “ทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ” รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ไปตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา
โดยระเบียบใหม่นี้จะมีผลทันทีหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยสํานักงานราชกิจจานุเบกษา สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ประกาศใหม่ยกเลิก Job Order
ทั้งนี้ สาระสำคัญของระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ฉบับใหม่นี้อยู่ที่ประเด็นการยกเลิก “ใบสั่งงานมัคคุเทศก์” หรือที่ในวงการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เรียกกันว่า “job order” ที่ปกติผู้ประกอบการนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์ต้องมีเพื่อให้นายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบการทำงานของบริษัททัวร์ต่าง ๆ
แหล่งข่าวในบริษัทธุรกิจนำเที่ยวรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าประเด็นดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ทางสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยพยายามผลักดันให้ยกเลิกมานานแล้ว โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง “ความไม่สะดวก” ในการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย เมื่อ “มัคคุเทศก์” ถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบการดำเนินงาน
พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า ใบ job order คือ ตัวสร้างปัญหาต่อระบบการทำงานของมัคคุเทศก์และบริษัทนำเที่ยว เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานต้องทำรายการตามใบสั่งงาน ไม่สามารถยืดหยุ่นและทำทัวร์นอกโปรแกรมได้
ส.มัคคุเทศก์แจงถึงเวลาปลดล็อก
“วิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์” นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า job order เป็นประเด็นที่ทางสมาคมไม่เห็นด้วยมานานแล้ว เพราะเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวายและยุ่งยากในการทำงานของมัคคุเทศก์ โดยเฉพาะประเด็นการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ
ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ไม่สามารถทำทัวร์ได้ตามโปรแกรมที่ระบุไว้ บริษัททัวร์ไม่สามารถปรับโปรแกรมทัวร์ แม้ว่าสถานที่จะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันก็ตาม หลายครั้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจจับทำให้นักท่องเที่ยวเสียเวลา 2-3 ชั่วโมง สร้างความเสียหายกับนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย
เรียกว่าทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่อยากจับก็จับ กลายเป็น “อุปสรรค” ของการทำงานอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
“เรื่องนี้เราเรียกร้องให้ยกเลิกนานแล้ว เพราะมองว่าใบสั่งงานไม่ใช่สาระสำคัญ และที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะใช้กับตลาดจีนในสมัยที่มีประเด็นเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่กลายเป็นว่าตำรวจตรวจจับหมดทุกตลาด กระทั่งเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ (วีระศักดิ์ โควสุรัตน์) ก็เห็นชอบด้วย จึงมองว่าน่าจะถึงเวลาที่วงการทัวร์ต้องปลดล็อกเรื่องนี้ได้แล้ว”
ผู้ประกอบการทัวร์รุม “ค้าน”
ขณะที่แหล่งข่าวในธุรกิจนำเที่ยวรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เป็นประเด็นที่น่าแปลกใจมากที่ระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ว่าด้วย มาตรฐานการประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2562 ที่มีการลงนามโดยรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และประกาศออกมาไม่มีเรื่องของใบสั่งงาน
หรือ job order อยู่ในระเบียบดังกล่าว เนื่องจากมติที่ประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (บอร์ด) ที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิกมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด
“จ็อบออร์เดอร์เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ ซึ่งบริษัททัวร์ทุกแห่งต้องมีใบสั่งงานให้มัคคุเทศก์ทุกคนที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจทำให้ขั้นตอนการทำงานยุ่งยากนิดหน่อย แต่มันเป็นเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะหากยกเลิกไปแล้ว ต่อไปใครก็ไปรับนักท่องเที่ยวได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นมัคคุเทศก์จริง ใครเป็นมัคคุเทศก์ปลอม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะยิ่งมั่วและปั่นป่วนมากกว่าที่เป็นอยู่”
“รณรงค์ ชีวีนสิริอำนวย” นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะทำการยกเลิก เพราะ job order จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่า
กรุ๊ปทัวร์ที่มานั้นมาจากไหน และมีโปรแกรมไปเที่ยวไหนบ้าง และมีใครเป็นมัคคุเทศก์ หากเกิดปัญหาสามารถติดตามนักท่องเที่ยวได้ หากรัฐประกาศยกเลิกไปจะเป็นการเปิดทางให้มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเด็นการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
เช่นเดียวกับ “ชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ” เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มองว่า มัคคุเทศก์ที่มองว่า job order คือ อุปสรรคและปัญหาในการปฏิบัติงาน ส่วนใหญ่เป็นมัคคุเทศก์ที่ไม่ได้รับงานจากบริษัทโดยตรง และทำทัวร์เถื่อน
“ถ้าเราไม่มีรายละเอียดทัวร์ วงการทัวร์จะทำงานกันอย่างไร ทุกวันนี้ขนาดมีใบสั่งงาน ปัญหายังเกิดมากมายขนาดนี้ ถ้ายกเลิกไปแล้วจะยิ่งวุ่นวายขนาดไหน เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถตราวจสอบข้อมูลได้เลย มัคคุเทศก์ที่มีบัตรประจำตัวก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีทุกคน”
ชี้เอื้อผู้ประกอบการ “เลี่ยงภาษี”
สอดรับกับ “มานพ แซ่เจีย” นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ที่กล่าวยืนยันว่า การยกเลิกมาตรการดังกล่าวนี้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน เพราะจะไม่สามารถตรวจสอบมัคคุเทศก์เถื่อนได้อีกต่อไป แถมยังเป็นการเปิดทางให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาทำมาหากินได้อย่างเสรีมากยิ่งขึ้นด้วย
“ส่วนตัวผมจะค้านให้ถึงที่สุด การที่สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทยเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการยกเลิกไม่ได้หมายความว่า สมาคมมัคคุเทศก์ในจังหวัดอื่น ๆ จะเห็นด้วย ที่สำคัญ มติของที่ประชุมครั้งล่าสุดเสียงส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นด้วยให้ทำการยกเลิกแต่อย่างใด”
“มานพ” ยังบอกด้วยว่า นอกจากใบ job order จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดโปรแกรมเที่ยวแล้ว ข้อดีอีกประการหนึ่ง คือ ภาครัฐสามารถใช้ใบนี้สำหรับติดตามผู้ประกอบการในเรื่องภาษีได้ด้วย
และนี่คือ เหตุผลและต้นตอสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายดิ้นเพื่อชงให้ “ยกเลิก” ใบสั่งงานมัคคุเทศก์ หรือ job order ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/tourism/news-293097
จำนวนผู้อ่าน: 2159
22 กุมภาพันธ์ 2019