เทรนด์ออฟฟิศชาวกรุง ที่ตั้งดี-ใส่ใจสุขภาพ-บริการครบวงจร

“ออฟฟิศ” หรือ “สถานที่ทำงาน” ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงาน ทั้งยังเกี่ยวข้องต่อการทำงานของพนักงานด้วยว่าจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ด้วย ซึ่งเหมือนกับโครงการเดอะ ปาร์ค (The PARQ) ที่พัฒนาโดย บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ที่บริหารงานโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มความต้องการของพนักงานในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ

ทั้งนี้เพราะโครงการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานซึ่งระบุว่า ทำเล และที่ตั้ง ที่สะดวกสบาย เข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้สะดวก คือ ปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาเมื่อจะเปลี่ยนงาน อีกทั้งกระแสความต้องการด้านสุขภาวะที่ดี การมีบริการที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบครัน ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยภายในอาคารสำนักงาน อันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานออฟฟิศ ซึ่งบ่งบอกถึงเทรนด์ใหม่ที่จะพลิกโฉมรูปแบบอาคารสำนักงานชั้นนำของกรุงเทพฯในอนาคตต่อไป

โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากผลสำรวจทัศนคติ และพฤติกรรมของพนักงานออฟฟิศในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร (understanding Bangkok CBD office worker) ที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ผ่านมา ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างทั้งชาย และหญิง ในกรุงเทพมหานคร อายุระหว่าง 25-45 ปี จำนวน 400 คน และเป็นกลุ่มคนทำงานในบริษัทของไทย-ต่างชาติเข้าร่วมตอบแบบสอบถาม

“วิราจ จูทานิ” ผู้อำนวยการแผนกวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค (consumer insights) บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบบสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติต่อสถานที่ทำงานในปัจจุบัน และปัจจัยด้านต่าง ๆ ของสถานที่ทำงานในมุมมองของคนวัยทำงานในกรุงเทพฯ เพื่อทำความเข้าใจว่า อาคารสำนักงาน หรือสถานที่ทำงาน มีบทบาทและความสำคัญอย่างไรต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่ทำงาน ทั้งยังสามารถสร้างความพึงพอใจ และส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งผลสำรวจจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ และเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์วางแผนจัดการพื้นที่อาคารสำนักงานในอนาคตอย่างเหมาะสม

 

 

ตำแหน่งที่ตั้งสำคัญสูงสุด 

จากผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า กว่า 92% ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจมองว่า สถานที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำงาน และสำหรับการเลือกสถานที่ทำงานในอนาคต ซึ่งระยะเวลาเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการเดินทางไป-กลับที่ทำงานในปัจจุบัน คือ 60 นาที และใช้รถประเภทต่าง ๆ เดินทางถึง 2-3 ต่อ และกว่า 91% ระบุว่า ระยะทางของสถานที่ทำงานกับจุดบริการขนส่งมวลชนนั้นสำคัญมากต่อการพิจารณาที่ทำงานใหม่ รวมถึงกว่า 69% ให้ความสำคัญกับส่วนเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่า กว่า 72% ต้องการเดินในระยะทางที่ต่ำกว่า 500 เมตร ระหว่างที่ทำงานกับจุดบริการขนส่งมวลชน และ 13% ของกลุ่มคนทำงานวัย 25-30 ปี ปฏิเสธที่จะไม่เดินไประบบขนส่งมวลชนถ้าต้องเดินมากกว่า 100 เมตร และพบว่า กว่า 31% ของคนกลุ่มนี้ต้องการใช้เวลาเดินทางไปทำงานต่ำกว่า 15 นาทีต่อวัน โดย 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจใช้ BTS และ MRT เป็นวิธีการเดินทางหลัก ส่วนกลุ่มระดับผู้บริหารวัย 41-45 ปีนั้นใช้เวลาเดินทางโดยรวมนานที่สุด โดย 36.7% ใช้เวลามากกว่า 90 นาที ในการเดินทางมาทำงาน

“นอกจากเรื่องสถานที่ตั้งของที่ทำงาน ผลสำรวจยังสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนต้องการให้ออฟฟิศเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน โดยระบุว่าปัจจัยสำคัญอีก 3 ประการที่จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน คือ สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการต่าง ๆ ภายในอาคารสำนักงาน เช่น ร้านค้า ยิม ร้านอาหาร บริการรับส่งไปรษณีย์ (43%) เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยและสวัสดิภาพที่ดี (42%) มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจระหว่างการทำงาน (36%)”

สะดวก คือ ปัจจัยเลือกทำงาน 

“วิราจ” กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเลือกสถานที่ทำงาน คือ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ภายในอาคารสำนักงาน โดยชาวออฟฟิศส่วนใหญ่โหวตให้ฟู้ดคอร์ต ร้านสะดวกซื้อ ยิม และร้านอาหารที่แฮงเอาต์หลังเลิกงาน เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการภายในอาคารสำนักงาน 4 อันดับแรก ที่ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานมากที่สุด

“เพราะวิถีการดูแลสุขภาพ ทั้งด้านการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายสามารถปฏิวัติได้จากชีวิตการทำงานออฟฟิศเช่นกัน เพราะ 92% ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่า การมีตัวเลือกอาหารเพื่อสุขภาพในสถานที่ทำงานจะช่วยให้พวกเขาเลือกกินอาหารที่ดีขึ้น และดูแลสุขภาพมากขึ้นได้ นอกจากนี้กว่า 93% เห็นว่าถ้ามียิมในอาคาร หรือมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ จะทำให้หันมาออกกำลังกายมากขึ้นด้วย”

สมาร์ทเทคโนโลยีออฟฟิศยุคใหม่

ขณะที่สมาร์ทเทคโนโลยียังถือเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทุกกลุ่มอายุเห็นพ้องต้องกันว่า ทุกอาคารสำนักงานจำเป็นต้องมี โดยกว่า 62% ระบุว่าเทคโนโลยีการจัดการด้านการรักษาความปลอดภัย คือ สิ่งสำคัญที่สุด รองลงมาคือระบบการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน (50%) แสดงให้เห็นถึงกระแสของชาวออฟฟิศที่มีต่ออาคารรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงระบบที่จอดรถพร้อมเทคโนโลยีอันชาญฉลาด (47%)

ส่วนอีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อพิจารณาตามเพศชาย-หญิง พบว่า เพศหญิงมากถึง 46% ต้องการระบบห้องน้ำอัตโนมัติมากกว่าผู้ชาย เพราะคำนึงถึงเรื่องความสะอาด และต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ชายจะให้ความสำคัญกับสถานีอัดประจุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากกว่าเพศหญิง ซึ่งมีเพียง 9%

สุขภาวะที่ดี คือ หัวใจการทำงาน

ถึงตรงนี้ “วิราจ” บอกว่า ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าสอดรับกับผลสำรวจนี้เป็นอย่างดี โดยผู้ร่วมตอบแบบสำรวจระบุว่า 3 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อความพึงพอใจและส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก คือ 1) อากาศภายในอาคารที่ปลอดมลพิษ (64%) 2) การเข้าถึงแสงธรรมชาติและสามารถมองเห็นวิวภายนอกอาคารได้ (45%) และ 3) การมีพื้นที่สีเขียวในอาคารสำนักงาน (40%)

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังที่สูงขึ้นของพนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯที่มีต่อสถานที่ทำงาน ซึ่งบริษัทต่าง ๆ สามารถนำมาปรับใช้ในการดึงดูดกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่มาพร้อมความสุขของทุกคนในองค์กรต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/csr-hr/news-296506

 


จำนวนผู้อ่าน: 1884

04 มีนาคม 2019