ปั๊ม PT ซื้อเหมากาแฟ Coffee World

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) “PTG” ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ พีที (PT) ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวาน (19 กรกฎาคม 2560) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ PUN ทำสัญญาเข้าลงทุนในบริษัท GFA

โดย พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (พีทีจี-PTG) เปิดเผยว่า

พีทีจี ให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด หรือ PUN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่พีทีจีถือหุ้น 99.99% เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (GFA) จำนวน จำนวน 29,350 หุ้น ในราคาหุ้นละ 6,984.19 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 205 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 99.99% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GFA

พูดชื่อ GFA ผู้บริโภคทั่วไป อาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่า GFA  คือผู้ให้บริการและเจ้าของแบรนด์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Coffee World, Coffee World Restaurant , Thai Chef Express,   Cream & Fudgeและ New York 5th Avenue Deli  หลายคนคงร้องอ๋อ

คอฟฟี่ เวิล์ด (Coffee World)

ถือเป็นแบรนด์ไทย ถือกำเนิดในประเทศไทย โดย Fred Mouawad ผู้ถือหุ้นหลักเดิมของ GFA ซึ่งเขาและภรรยา (Sukanya Mouawad) คือผู้ขายหุ้นในสัดส่วนรวม 99.99% ให้กับ PUN บริษัทย่อยของ พีทีจี

GFA เพิ่งฉลองครบรอบ 20 ปี ของแบรนด์คอฟฟี่ เวิลด์ ในปีนี้ และมีร้านสาขาภายใต้แบรนด์ต่างๆ เหล่านี้ รวม 130 สาขาทั้งในและต่างประเทศ 40% เป็นร้านแฟรนไชส์ และอีก 60% เป็นร้านที่บริษัทบริหารเอง

เป็นสาขาในประเทศไทยประมาณ 100 สาขา อีก 30 สาขา กระจายอยู่ใน 8 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน บังกลาเทศ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซีย และสปป.ลาว โดยจัดเป็นแบรนด์ร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยม ที่มีทั้งเมนูเครื่องดื่มกาแฟร้อน เย็น ปั่น และอื่นๆ  เช่น อาหารที่ถือเป็นที่รู้จักกันดีคือ วอฟเฟิล (Waffle) ซึ่งคอฟฟี่ เวิลด์ เป็นแบรนด์แรกที่นำมาเสิร์ฟคู่กับกาแฟในในตลาดไทย เป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วัย 18-35 ปี

โดยสินทรัพย์ของจีเอฟเอ ที่พีทีจีซื้อไปคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัทรวม 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 มีรายละเอียดดังนี้

งบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 (ล้านบาท )
สินทรัพย์รวม 13,315.48
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน 100.44
หนี้สินรวม 8,564.36
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 13.91
สินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ (NTA) 4,636.77
กำไรสุทธิไตรมาส 1 (ปรับเป็นเต็มปี-Annualized) 724.55

 

พีทีจีซื้อ คอฟฟี่ เวิล์ด คิดแล้วใช้งบไม่ถึงครึ่งที่ตั้งไว้สำหรับขยายธุรกิจ Non-oil

ช่วงสิ้นสุดไตรมาส 1/2560 พีทีจี เผยแผนดำเนินงานของปี 2560 ไว้ว่า

  • จะเน้นขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและขยายพันธมิตรทางการค้า เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้บริการให้มากขึ้น

โดยตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่แบ่ง 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  •                 งบสำหรับขยายธุรกิจปัจจุบัน 3,500 ล้านบาท
  •                 งบสำหรับธุรกิจ non-oil 500 ล้านบาท
  •                 งบสำหรับโครงการใหม่ 1,000 ล้านบาท

แหล่งเงินทุนในการลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในและการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ที่เหมาะสม

ดังนั้น การลงทุนซื้อกิจการของ GFA ในครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 205 บาท ซึ่งเป็นเงินทุนจากกระแสเงินสดที่ได้จากการประกอบกิจการของพีทีจี จึงเท่ากับเป็นงบประมาณที่ใช้ไปเพียง 2 ใน 5 ของงบสำหรับธุรกิจ non-oil ที่พีทีจีทั้งไว้

ที่สำคัญ ทำให้บริษัทมีสาขาร้านกาแฟและแบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทันที่130 กว่าสาขา ซึ่งยืนยันให้เห็นว่า สูตรการเข้าซื้อกิจการ ยังเป็นทางลัดสำหรับการเติบโตได้ดีของบริษัทที่มีงบประมาณในการลงทุน

ประโยชน์ที่พีทีจีคาดหวังจากการซื้อคอฟฟี่ เวิลด์

  • เพิ่มโอกาส และขีดความสามารถในการขยายธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่ที่มีศักยภาพนอกสถานีบริการพีที เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตี้มอลล์ สนามบินทั้งในและต่างประเทศ
  • ช่วงสร้างสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบันและขยายฐานะลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้น
  • เพิ่มศักยภาพและโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต
  • กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจหลัก และสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับบริษัทในระระยาว

สถานการณ์ธุรกิจของพีทีจี (ณ 31 มีนาคม 2560)

  • ปัจจุบันมีสถานบริการน้ำมัน PT หรือ ปั๊มพีที รวม 1,436 แห่ง
  • ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1,800 แห่งในปี 2560 นี้
  • มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 821 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาส 4/2559 เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาส1/2559
  • มีสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 92% จากกลยุทธ์ที่หันมาเน้นธุรกิจค้าปลีก
  • คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปีเพิ่มขึ้น 30%
  • มีสมาชิกบัตร PT Max Card ลอยัลตี้การ์ดของบริษัทอยู่ที่ 6.1 ล้านสมาชิกทั่วประเทศ
  • มีรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด (สถานีบริการน้ำมัน แก๊สแอลพีจี ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านสะดวกซื้อ PT Max Mart และพันธมิตรอื่น ๆ) รวม 20,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาส4/2559 และเพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาส 1/2560
  • มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท ลดลง 41% จากไตรมาส 4/2559 และลดลง 39% จากไตรมาส 1/2560 สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน
  • มีแผนขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มเป็น 200 สาขาภายในสิ้นปี 2560 จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 60 สาขา

กลยุทธ์การเติบโตของพีทีจี

จากสถานการร์ค้าปลีกน้ำมันไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นประกอบการใช้น้ำมันเติบโตมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเติบโตเพียงเล็กน้อย บวกกับผู้ค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปแบรนด์หลักและแบรนด์อิสระยังคงขยายสถานีบริการน้ำมันต่อเนื่อง บริษัทจึงมุ่งเน้นใช้กลยุทธ์ด้านการตลาด

  • ในการเพิ่มจำนวนสมาชิก
  • เน้นเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตร
  • เพื่อสร้างสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการแลกระตุ้นการใช้บริการเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้นพีทีจี จึงต้องหาทางลัดสำหรับการเสริมความครบถ้วนสำหรับบริการเสริมด้านอื่นที่จะไปกันได้กับธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ดังที่สถานีน้ำมันแบรนด์หลักพัฒนาจนเห็นผลมาแล้วมากมายด้วยรายได้จากธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตไม่แพ้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน

สัญญาณลงทุนรอบนี้จากพีทีจี น่าจะทำให้การแข่งขันของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันบ้านเรา สนุกและมีสีสันขึ้นอีกแน่นอน

 

ที่มาของข่าว : http://www.smmagonline.com/

 

 


จำนวนผู้อ่าน: 3865

27 กรกฎาคม 2017