นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ฉายภาพตลาดแอร์บ้านและพาณิชย์ปี 2562 ว่า ตลาดมีโอกาสเติบโต 5-6% จาก 4.73 หมื่นล้านบาทเมื่อปีที่แล้วเป็น 5 หมื่นล้านบาท โดยแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ยังเป็นสินค้าหลักมาแรงด้วยแรงหนุนจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ที่ช่วยย้ำจุดเด่นด้านการประหยัดไฟของแอร์ระบบนี้ จึงคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มจาก 60% เป็น 65% พร้อมกับสภาพอากาศที่น่าจะร้อนจัดและร้อนนานเช่นเดียวกับเมื่อปี 2553
ด้านปัจจัยการแข่งขันนอกจากความประหยัด ราคา และโปรโมชั่นผ่อน-ของแถมซึ่งเป็นพื้นฐานแล้ว การบริการและฟังก์ชั่นเสริมอื่น ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับแอป ความทนทาน การไล่ความชื้น ฯลฯ จะถูกนำมาเป็นจุดขายและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วย
ดวลรุ่นไฟติ้งชิงลูกค้า
สำหรับบริษัทปีนี้ได้อัพเกรดและเพิ่มไซซ์สินค้าในหลายซีรีส์ เน้นด้านสุขภาพและความทนทาน รวมถึงเพิ่มโอกาสการขาย มีซีรีส์สบายซึ่งเป็นแอร์อินเวอร์เตอร์รุ่นไฟติ้งเป็นไฮไลต์ ในรุ่นสบาย 2 ซึ่งเพิ่มไซซ์ 1.5 หมื่นและ 2 หมื่นบีทียู พร้อมระบบป้องกันกลิ่นอับ-รา รวมถึงแผงวงจรทนทานพิเศษ เพื่อให้ครอบคลุมดีมานด์ที่อยู่อาศัยขนาดต่าง ๆ รวมถึงตอบโจทย์ด้านสุขภาพและความมั่นใจ โดยสินค้าจะเข้าสู่ช่องทางขายในเดือน มี.ค.นี้
ส่วนการทำตลาดมีการจัดกิจกรรม-โปรโมชั่นแถมของพรีเมี่ยมและผ่อน 0% และอื่น ๆ ในช่องทางต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่ผ่านมา พร้อมเพิ่มช่องทางแอปพลิเคชั่น “มายไดกิ้น” (My Daikin) ช่วยหนุนด้านการบริการซ่อม-ล้างแอร์และสื่อสารข้อมูลโปรโมชั่น ทั้งนี้เชื่อว่าสินค้าและช่องทางสื่อสารใหม่จะช่วยให้บริษัทมียอดขายโต 15% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 26% เป็น 28%
สอดคล้องกับ “มิตซูบิชิ” นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริก กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า ไฮไลต์ของปีนี้คือแอร์รุ่นไฟติ้ง “แฮปปี้อินเวอร์เตอร์” ซึ่งวางราคาสูงกว่าแอร์ระบบธรรมดาเพียง 10% พร้อมฟังก์ชั่นเย็นเร็ว เน้นจูงใจผู้ซื้อแอร์ครั้งแรกและผู้ที่อัพเกรดจากแอร์ระบบธรรมดาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก พร้อมกับรับเทรนด์สุขภาพด้วยรุ่น จีอาร์ ซึ่งมีจุดขายเป็นแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 โดยทุ่มงบฯ 1,000 ล้านบาท ทำตลาดครบวงจร รวมถึงย้ำจุดขายด้านการบริการ ด้วยเบอร์คอลเซ็นเตอร์ 4 หลัก 1325 และเพิ่มศูนย์บริการอีก 15 สาขา มั่นใจว่าจะช่วยให้มียอดขาย 1.55 หมื่นล้านบาท และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 34%
แห่เพิ่มฟังก์ชั่นฟอกอากาศ
ขณะเดียวกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สร้างดีมานด์เครื่องฟอกอากาศจนของหมด และลามมายังแอร์ที่มีฟังก์ชั่นฟอกอากาศให้ขาดตลาดไปด้วย หน้าร้อนนี้บรรดาแบรนด์สินค้าจึงหันมาเน้นฟังก์ชั่นนี้เพื่อทำตลาดแอร์อย่างคึกคัก
โดยนายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพื่อรับกระแส PM 2.5 ได้ลอนช์แอร์รุ่นมีระบบฟอกอากาศความละเอียด PM 1.0 พร้อมเครื่องวัดคุณภาพอากาศในตัว ตั้งราคาสูงกว่ารุ่นใกล้เคียงประมาณ 20% ซึ่งจะใช้เป็นหัวหอกในการทำตลาดปีนี้ พร้อมติดตั้งจุดทดสอบฟังก์ชั่นฟอกอากาศในร้านค้า เพื่อย้ำจุดขายและดึงดูดความสนใจให้รุ่นอื่น ๆ ที่ต่างมีจุดขายเฉพาะตัว เช่น วัสดุกระจก ประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาวตามฉลากใหม่ เป็นต้น
เช่นเดียวกับ “พานาโซนิค” ซึ่งนายฮิเดคาสึ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า ไลน์อัพแอร์ปี 2562 ซึ่งจะเปิดตัวช่วง มี.ค.นี้จะมีฟังก์ชั่นฟอกอากาศครบทุกรุ่นเพื่อรับดีมานด์ หลังช่วงเดือน ม.ค.สินค้ารุ่นที่มีฟังก์ชั่นนี้ขาดตลาดเช่นเดียวกับเครื่องฟอกอากาศ โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5-7% ส่วน “ซัมซุง”
นายวรพันธ์ เขมะสิงคิ ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องปรับอากาศระบุว่า ระบบฟอกอากาศจะเป็นจุดขายของรุ่นวินฟรีและวินฟรีพลัส ร่วมกับระบบอินเวอร์เตอร์และฟังก์ชั่นสมาร์ทอย่างการสั่งงานด้วยเสียงตามทิศทางที่จะเน้นระบบสมาร์ทโฮมในปีนี้
ท้าชิงญี่ปุ่น-เกาหลี
ด้าน “ไมเดีย” ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนนั้น นายไบรอัน จ้าว ประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไมเดีย กล่าวว่า ปีที่แล้วยอดขายแอร์ของบริษัทเติบโตถึง 54% สะท้อนว่าผู้บริโภคยอมรับแบรนด์จีนมากขึ้น ปีนี้จึงเพิ่มไลน์อัพแอร์อินเวอร์เตอร์สำหรับบ้านและพาณิชย์อีก 5 ซีรีส์ รวม 20 รุ่น ชูฟังก์ชั่นเย็นเร็วพิเศษ รวมถึงฟอกอากาศตามเทรนด์ พร้อมทำตลาดแบบ 360 องศา เน้นสื่อสารอายุแบรนด์ 50 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยเตรียมลอนช์แคมเปญทั่วประเทศช่วงเดือน มี.ค.นี้ ตามด้วยกิจกรรมบนโซเชียลยาวถึง มิ.ย. หลังกระจายสินค้าเข้าร้านค้าตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่องและชิงส่วนแบ่งจากแบรนด์ญี่ปุ่น-เกาหลี
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/marketing/news-310020
จำนวนผู้อ่าน: 2187
03 เมษายน 2019