เร่งสร้าง - กรมชลประทานเร่งก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ เพื่อการเพาะปลูก
กรมชลประทานเร่งอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อุตรดิตถ์ โครงการก้าวหน้าแล้วกว่า 50% มุ่งสร้างอาชีพประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมควบคู่การจัดการน้ำ
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดําริ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อตอบสนองความต้องการน้ำ โดยเฉพาะเพื่อการเพาะปลูกพืช หรือเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งมีการดำเนินการด้านการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ควบคู่ไปกับโครงการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 จนถึงปัจจุบันนั้น ล่าสุดมีความคืบหน้าของโครงการมากกว่า 50%
แบ่งเป็นความก้าวหน้าโครงการทั้งหมดแผนงาน 59.668% ผลงาน 54.544% ช้ากว่าแผนงาน 5.124% โดยแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 1.เขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมอุโมงค์ส่งน้ำ เริ่มดำเนินงานเมื่อ 1 พฤษภาคม 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จวันที่ 28 กันยายน 2563 เสร็จสิ้นแล้ว 86.890% ช้ากว่าแผนงานอยู่ที่ราว 3.815% 2.ระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบ สัญญาที่ 1 เริ่มดำเนินการวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 ธันวาคม 2562 เสร็จสิ้นแล้ว 83.150% ช้ากว่าแผนงาน 9.182% 3.ระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบ สัญญาที่ 2 เริ่มดำเนินงานวันที่ 8 สิงหาคม 2561 จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 ปัจจุบันแล้วเสร็จทั้งสิ้น 48.415% ช้ากว่าแผนงานราว 7.269%
4.งานปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณหัวงาน ระยะที่ 1 เริ่มสัญญาวันที่ 1 สิงหาคม 2561 สิ้นสุดสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 5.งานปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหัวงาน ระยะที่ 2 เริ่มดำเนินงานตามสัญญาวันที่ 12 มีนาคม 2562 และจะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 7 กันยายน 2562 ดำเนินการแล้ว 30.20% ช้ากว่าแผนงาน 54.781% 6.ระบบท่อส่งน้ำสายซอยและอาคารประกอบ เป็นงานดำเนินการเอง ดำเนินการแล้ว 89.10% ช้ากว่าแผนงาน 0.9% 7.งานป้องกันการกัดเซาะท้ายอาคารระบายน้ำล้น เป็นงานดำเนินการเอง ดำเนินการแล้ว 20.918% ช้ากว่าแผนงาน 41.082%
“นอกเหนือจากการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สิน กรมชลประทานยังได้จัดเวทีประชาคมใน 5 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 เพื่อสนับสนุนด้านอาชีพ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมไปถึงเน้นการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม มีความหลากหลาย และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในชุมชน ผ่านวิทยากรที่มีความรู้” นายเฉลิมเกียรติกล่าว
ในส่วนมาตรการการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น กรมชลประทานได้มีแผนการป้องกันแก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมรองรับ ทั้งหมด 27 แผน แบ่งเป็น 1.แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม 10 แผน 2.แผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม 17 แผน ระยะเวลาดําเนินการ รวมทั้งหมด 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 จนถึง พ.ศ. 2564 หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด 14 หน่วยงาน
นายเฉลิมเกียรติยังกล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของกรมชลประทานที่สามารถเห็นได้ชัดนั้น แบ่งออกเป็นส่วน ๆ ได้แก่ งานด้านการปลูกป่าทดแทน อนุรักษ์ป่าไม้ ดินและน้ำ ผ่านการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ดังนี้ 1.การจัดกิจกรรมปลูกป่าทดแทน รวม 4,395 ไร่ 2.การจัดกิจกรรมสร้างฝาย รวม 97 ฝาย เป็นฝายชะลอน้ำกึ่งถาวร 23 ฝาย ฝายชะลอน้ำผสมผสาน 23 ฝาย และ 3.การบำรุงป่า ปีที่ 4-6 รวมถึงบำรุงรักษาระบบนิเวศต้นน้ำ 2-6 ปี
อีกทั้งยังมีการดำเนินการด้านการป้องกันการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ซึ่งทางกรมชลประทานได้ร่วมป้องกัน ปราบปราม และประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในบริเวณลุ่มน้ำรี เพื่อให้มีความร่วมมือกับภาครัฐในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ให้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้นกรมชลประทานมิได้ละเลยทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่า โดยหลังจากดำเนินโครงการดังกล่าว ได้มีการตรวจสอบลาดตระเวนเก็บข้อมูลทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยน้ำรี และตรวจสอบพื้นที่ที่สัตว์ป่าติดค้าง จากนั้นย้ายสัตว์ป่าไปไว้ในบริเวณที่เหมาะสมอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/local-economy/news-366850
จำนวนผู้อ่าน: 1999
02 กันยายน 2019