หลังจากที่ มล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘หม่อมปลื้ม’ ได้ออกมาวิจารณ์ ‘เกรตา ธันเบิร์ก’ เด็กหญิงวัย 16 ปี ชาวสวีเดน ที่ถูกเชิญไปแสดงปาฐกถา ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ว่า เป็นตัวอย่างของเด็กสาวที่โดนล้างสมองในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น และยังระบุอีกว่า ธรรมชาติไม่ได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้ มนุษย์ต่างหากที่เป็นเจ้าของ เพราะมนุษย์นั้นมีสติสัมปชัญญะ มีศักยภาพในการครอบครองและบุกเบิก
จนต่อมา ในวันที่ 26 กันยายน นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้โพสต์แสดงความคิดเห็น ผ่านเจเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ‘ ต่อประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า
“ผู้ใหญ่อย่ารังแกเด็ก”
วันสองวันที่ผ่านมา มล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หรือที่เรียกกันว่า หม่อมปลื้ม ได้ออกมาตำหนิติเตียน เด็กหญิงอายุ 16 ปี ที่ชื่อ เกรตา ธันเบิร์ก ซึ่งเป็นชาวสวีเดน ว่า การแสดงออกในเรื่องการต่อต้าน การทำลายสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ฯลฯ เป็นการทำให้โลกร้อน และการที่เด็กหญิงเกรตา ได้รับเชิญไปแสดงปาฐกถา ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 23 กันยายน ว่า “เป็นเด็กอยากดัง และถูกล้างสมองมาจากกลุ่มสิ่งแวดล้อม”
สำหรับผมแล้ว เกรตาฯ เป็นเด็กที่ยิ่งใหญ่มากในโลกนี้ เธอยังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยม แต่เธอกล้าพอที่จะลุกขึ้นมาสู้ในเรื่องโลกร้อน เธอสู้เพื่อมนุษยชาติ ความเชื่อของเธอนั้นมีพื้นฐานความเชื่อมาจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
เธอกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาแสดงออกในเรื่องที่กระผม ทุกๆคนในโลกนี้ ขณะที่พวกเรา (รวมทั้งผมด้วย) ยังมัวมะงุมมะงาหรา บ้าคลั่ง กับเรื่องราวของลัลลาเบล และนายน้ำอุ่น (ซึ่งคงกลายเป็นน้ำร้อนไปแล้ว) ถ้าเด็กไทยรวมทั้งผู้ใหญ่ไทย และคนในโลกนี้ เป็นอย่างเกรตา โลกนี้และประเทศนี้คงน่าอยู่กว่านี้มาก
วันนี้ผู้ใหญ่อย่าง มล.ณัฐกรณ์ เทวกุล ได้ออกความเห็นรังแก เกรตาฯ เด็กอายุ 16 โดยกล่าวหาว่า เป็นเด็กอยากดัง ได้ข้อมูลมาผิดๆ ในเรื่องโลกร้อนผมเลยต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะผมคิดและเห็นด้วยกับ เกรตา ที่ตลกคือ ถ้าเกรตาได้ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ที่ต่อต้านโลกร้อน ในทำนองเดียวกัน มล.ณัฐกรณ์ฯ ในฐานะที่พูดภาษาอังกฤษ และอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเหมือนภาษาตัวเอง ก็คงได้ข้อมูลมาจากอีกฝั่งหนึ่ง เช่นเดียวกับเกรตา ซึ่งฝ่ายที่ต่อต้านโลกร้อนนั้นก็มักจะเป็นกลุ่มทุน กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มการค้าที่ต้องการแสวงหาผลกำไร โดยไม่สนใจว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้โลกร้อนและกลุ่มคนพวกนี้ ก็จะไปขุดค้น เสาะแสวงหา ว่าจ้าง นักวิทยาศาสตร์ ที่ออกมาต่อต้านนักวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าโลกกำลังร้อนขึ้นทั้ง
ผม และเกรตา และคนอีกมากเชื่อว่า โลกกำลังร้อนขึ้น นอกจากสามัญสำนึก และความรู้สึกที่เราได้สัมผัสกับอากาศรอบตัวเรา รวมทั้งการรับทราบ และได้เห็นประสบการณ์ภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้นในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเก่ามาก ไม่ว่าจะเป็น พายุในหลายรูปแบบ เช่น ไต่ฝุ่น เฮอริเคน ทอนาโด รวมไปจนถึง ภาวะน้ำท่วมทั่วโลกตามที่ต่างๆ และรวมทั้งชั้นบรรยากาศที่ถูกทำลายมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกทั้งนักวิทยาศาสตร์อิสระ หรือนักวิทยาศาสตร์ที่มาจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก รวมทั้งบทสรุปที่องค์การสหประชาชาติ ได้ทบทวนเรื่อง ผลงานวิจัย เรื่องโลกร้อน จากนักวิทยาศาสตร์ 100 คน จาก 30 ประเทศ โดยการสรุปได้ความว่า โลกร้อนนั้นมีจริง และกำลังทวีเพิ่มมากขึ้น
“โลกร้อนได้ไปถึงจุดที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้งตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากพายุ น้ำท่วม การละลายของน้ำแข็งทั่วโลก และน้ำทะเลที่ร้อนขึ้น ฯลฯ”
ทั้งผม และ มล.ณัฐกรณ์ฯ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่ผมเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในหลัก ปฏิจจสมุปบาท ว่า “เมื่อมีสิ่งนี้ ก็ต้องมีสิ่งนั้น ฯลฯ” ภาวะโลกร้อนที่เกิดจากเหตุต่างๆ ก็ตกอยู่กับหลัก อิทัปปัจจยตา อย่างไม่มีข้อสงสัย
มล.ณัฐกรณ์ เทวกุล และพลพรรคอีก 3-4 คน ที่ออกมาประจำในช่อง Voice Tv. แสดงความคิดเห็นทางการเมืองตลอดเวลา มักจะชอบพูดเสมอว่า “คนเราต้องยอมรับความคิดเห็นต่างได้”
แต่วันนี้ผู้ใหญ่อย่าง มล.ณัฐกรณ์ฯ กลับไม่ยอมรับความคิดเห็นต่างของเกรตาฯ เด็กวัย 16 มิหนำซ้ำ ยังกล่าวหาว่า เกรตาฯ ถูกล้างสมองมาอีก ทั้งๆที่ มล.ณัฐกรณ์ฯ ก็ถูกล้างสมองมาจากอีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน
แล้วยังไปกล่าวหาว่า เกรตาฯ อยากดัง แต่พฤติกรรม ของ มล.ณัฐกรณ์ฯ ก็คงอยากดังเช่นกัน โดยการไปตำหนิเด็กเช่นนั้น
อ้อ!! ลืมบอกไปว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ฉาวโฉ่ ไร้จริยธรรม และมุสา ในเรื่องต่างๆ รวมทั้งมีนิสัยที่เลวร้าย มากที่สุดในประวัติศาสตร์ผู้นำของสหรัฐอเมริกา ก็คิดแบบเดียวกับ มล.ณัฐกรณ์ฯ แต่ผมเชื่อว่า มล.ณัฐกรณ์ฯ คงไม่เลวร้าย และชั่วช้า แบบนายทรัมฯ เพียงแต่อยากดัง และถูกล้างสมอง และพูดโดยไม่ได้คิดตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผมต้องขอโทษด้วยที่มาวิพากษ์วิจารณ์ มล.ณัฐกรณ์ฯ ซึ่งผมไม่ควรเลย เพราะผมเป็นแค่อดีตนักโทษ คนที่เคยติดคุก สถานภาพผมต่ำต้อยกว่าเขามาก
แต่ผมทนไม่ได้ ที่เห็นท่านรังแกเด็ก โดยไม่มีเหตุผล
มันก็เป็นเพียงแค่นี้เองแหละครับ !!
สนธิ ลิ้มทองกุล”
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-375275
จำนวนผู้อ่าน: 2122
27 กันยายน 2019