หอการค้าไทยหารือ รมว.ท่องเที่ยวฯ ร่วมมือ – ผลักดัน – บูรณาการท่องเที่ยวไทย 8 ด้าน

คณะกรรมการหอการค้าไทย เข้าพบ รมว.ท่องเที่ยวฯ ร่วมผลักดันการท่องเที่ยวไทย พร้อมขับเคลื่อนโครงการ 1 หอการค้า 1 ท่องเที่ยวชุมชน สนับสนุนโครงการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (EEC) โครงการทัวร์ริมโขง และพัฒนาท่องเที่ยวรองรับผู้สูงอายุ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว EEC เปิดเผยภายหลังการนำคณะกรรมการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เพื่อหารือความร่วมมือและนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจ

โดยมีข้อเสนอประเด็นต่าง ๆ ประกอบด้วย

1) Digital Tourism Platform ขอรับการสนับสนุนแหล่งข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภายใต้กำกับของกระทรวง เพื่อให้ Application “TAGTHAI” หรือ “ทักทาย” เป็น Application ที่เป็นทางการ และเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

ในด้านการพัฒนา ​Application “TAGTHAI” ที่จะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้ประเทศนั้น ทางกระทรวงเห็นว่าจะช่วยด้านการท่องเที่ยวได้มาก และขอให้เร่งรัดการนำ Application มาใช้งานโดยขอให้ครอบคลุมทุกจังหวัดในปี 2563

2) Downtown VAT Refund หอการค้าไทยขอขอบคุณกระทรวงฯ ที่ได้ร่วมผลักดันให้เกิดการจัดตั้งจุดรับคืนภาษีในเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นแบบถาวร นอกจากนี้ ยังได้เสนอเพิ่มเติม โดยขอให้มีการทำ VAT Refund ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งตรงกับแนวทางของกระทรวงฯ และขอให้ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มจุดในการดำเนินการ VAT Refund จากเดิมที่กำหนดให้เพียง 5 จุด รวมทั้ง ขอให้ช่วยผลักดัน เรื่องการสำแดงสินค้าของนักท่องเที่ยวต่อเจ้าหน้าที่ ที่กำหนดโดยกรมสรรพากร โดยให้สำแดงสินค้าเฉพาะยอดที่ซื้อสินค้าเกิน 8,000 บาท ซึ่งจะอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น

3) การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว สนับสนุนให้มีการปรับปรุง พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 อาทิ พิจารณาออกประกาศปรับปรุงระเบียบวิธีการปฏิบัติ เรื่อง การแจ้งที่พักอาศัยชั่วคราวของคนต่างด้าว จัดทำระบบ Application บนมือถือ Smart Phone เพื่อให้ผู้ให้สถานที่พักอาศัยสามารถกรอกข้อมูลการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าวได้โดยสะดวก

รวมทั้ง เร่งรัดแก้ไขระบบออนไลน์ ของการแจ้งรายงานตัวให้สามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้จริงทั่วประเทศ และขอให้ยกเลิกการบังคับใช้เอกสารตรวจคนเข้าเมือง (ตม.6) สำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงฯ เห็นด้วย และแจ้งว่ากำลังพิจารณายกเลิกการรายงาน ตม.30 ตามมาตรา 37 และกำลังศึกษาวิธีเก็บข้อมูลจากแหล่งอื่นแทนเอกสาร ตม.6

4 ) สนับสนุนโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว ตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ. 2561-2570 ให้มีผลในทางปฏิบัติ ขอให้มีการแก้ไข ให้พื้นที่ Cruise Terminal ย้ายจากแหลมฉบังมาอยู่ที่เมืองพัทยา เพื่อเร่งผลักดันการก่อสร้างท่าเทียบเรือเล็กที่หน้าทอนเกาะสมุย เนื่องจากมีขนาดเล็กและรองรับเรือได้น้อยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว อีกทั้ง พิจารณาแนวทางยกเว้นภาษีนำเข้า (Input Tax) ร้อยละ 7 สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Super Yacht) ที่เข้ามาประกอบการในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC กลุ่มท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ บริเวณเมืองพัทยา ได้แก่ โครงการ Cruise Terminal, Pattaya on Pier และรถไฟรางเบา (Tram) เมืองพัทยา โดยทางกระทรวงฯ แจ้งว่าได้มีการศึกษาเรื่องการสร้างท่าเรือที่ราชกรูด จังหวัดระนอง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังมะริดและตะนาวศรีได้ อย่างไรก็ดี ต้องดูความพร้อมทางฝั่งเมียนมาด้วย ในส่วนการพัฒนาพัทยา โดยเฉพาะที่แหลมบาลีฮาย หากทำได้ก็ดีเพราะเป็นจุดที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะต้องนำไปหารือใน ครม.เศรษฐกิจเพื่อพิจารณาต่อไป

5 )โครงการทัวร์ริมโขง ขอให้กระทรวงฯ ช่วยผลักดันการดำเนินโครงการทัวร์ริมโขงให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และร่วมพัฒนาแผนแม่บทกับภาคเอกชน ซึ่งกระทรวงฯ แจ้งว่าจะจัดประชุมเพื่อรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะ 2 ครั้งที่ บึงกาฬ และ นครพนม โดยเชิญชวนจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมด้วย โดยให้แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม เพื่อศึกษาว่าแต่ละจังหวัดที่อยู่ริมโขงมีความต้องการพัฒนาอย่างไรบ้าง

6 )โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า หอการค้าไทยสนับสนุนโครงการ โดยขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนแม่บท และแผนพัฒนาภายใต้โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า โดยหากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ หรือ คณะทำงาน ที่เกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าว หอการค้าไทยยินดีเข้าร่วมฯ เพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ด้วย

อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวขึ้น จึงขอให้มีผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนี้ด้วย

นอกจากนี้ หอการค้าไทยมีแนวคิดให้มีการเชื่อมโยงโครงการไทยแลนด์ริเวียร่า โดยให้มีการ เชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวระหว่างภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ (รวม 3 ภาค ครอบคลุม 12 จังหวัด) โดยในเรื่องนี้ ทางกระทรวงฯ เห็นด้วย และมีแนวคิดที่จะพัฒนาในลักษณะกลุ่มจังหวัด โดยอยู่ระหว่างการวางแผนกิจกรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจ ทางกระทรวงยังขอให้หอการค้าสนับสนุนให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายประเทศ เช่น ลดภาษีสินค้านำเข้า เพื่อให้คนไทยซื้อสินค้าในประเทศแทนต่างประเทศ

7) โครงการ 1 หอการค้า 1 ท่องเที่ยวชุมชน เป็นโครงการที่หอการค้าไทยจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน จึงขอให้กระทรวงฯ สนับสนุนในการขับเคลื่อนโครงการ โดยการร่วมจัดหลักสูตรการอบรมให้ ความรู้ชุมชน โดยหอการค้าไทยได้เชิญหอการค้าญี่ปุ่น และ JETRO มาให้ความรู้เรื่องการสร้างเรื่องราวและการชูเอกลักษณ์สินค้าที่มีความโดดเด่นของท้องถิ่น ด้านการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมทั้ง ขอให้มีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

8) การพัฒนาการท่องเที่ยวรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ขอให้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการที่มีคุณภาพที่ดีรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยขอให้มีการปรับปรุงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ และหากมีการจัดตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาฯ อย่างเป็นรูปธรรม หอการค้าไทย ยินดีให้ความร่วมมือเป็นคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์ กระทรวงฯ ได้เริ่มดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการทำโครงการต้นแบบ โดยเริ่มที่จังหวัดเพชรบุรี (ชะอำ) เพื่อให้เอกชนเข้ามาศึกษาดูงาน และในอนาคตจะขยายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ

นายกลินท์ กล่าวว่า รมว.กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้รับข้อเสนอของหอการค้าไทย ซึ่งข้อเสนอส่วนใหญ่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และได้ขอให้หอการค้าไทยช่วยผลักดันเรื่องต่างๆ ไปพร้อมๆ กับกระทรวงฯ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว และจะทำให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/economy/news-376326


จำนวนผู้อ่าน: 2633

01 ตุลาคม 2019