ม.อ.ดัน “หาดใหญ่เมดิคอลทัวร์” ชง รมต.”พิพัฒน์” ใช้กัญชารักษาต่างชาติ

เที่ยวแนวใหม่ - โรงพยาบาลรัฐและเอกชนใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมตัวกันเพื่อผลักดันโครงการเมดิคอลทัวริซึ่ม เพื่อผลันดันรายได้ภายในจังหวัด โดยใช้ธุรกิจโรงพยาบาล นำหน้าธุรกิจท่องเที่ยว

“พิพัฒน์” เตรียมบินด่วนถกแนวทางขับเคลื่อน “โครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่ม แอนด์ อนามิสซิตี้” ที่ ม.อ. 19 พ.ย.นี้ ก่อน มอ.จัดงานใหญ่ “วันกัญชาโลก” เมษายน ปี 2563 ด้านคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มอ. บอกมีแพทย์-พยาบาล-สถานที่-เครื่องมือพร้อมสูงสุดรองรับโครงการ

นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา เจ้าของคลินิก และ นพ.เกรียงศักดิ์ พญ.พิพิธพร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ก่อตั้งหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มฯ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อประชุมหารือถึงปัญหาอุปสรรคในการขับเคลื่อนโครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เสนอเรื่องเข้าไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.เงินทุน 2.การเดินทางไปโรดโชว์เพื่อหาลูกค้าในต่างประเทศ และ 3.การให้หน่วยงานภาครัฐช่วยติดต่อประสานงานการตลาดต่างประเทศ และนายพิพัฒน์ได้มอบเรื่องนี้ให้กับทีมยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลับไปพิจารณาศึกษาถึงรูปแบบการดำเนินโครงการ ขณะเดียวกัน ได้จัดทัพเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานต่าง ๆ

“ยอมรับว่า เรื่องเมดิคอลทัวริซึ่มถือเป็นเรื่องใหม่ ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ ลักษณะโครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มเป็นการใช้การแพทย์นำหน้าการท่องเที่ยวตามหลัง โดยผู้ที่เข้ามาทำการรักษาในโครงการเมดิคอลทัวริซึ่ม ไม่ใช่ผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่เป็นผู้ที่ต้องการมารักษาตามแพทย์นัดหมาย เช่น มาทำศัลยกรรม ซึ่งต้องเดินทางมาพักที่ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1-2 สัปดาห์ ระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย ผู้ที่มาทำศัลยกรรม และผู้ติดตามสามารถไปท่องเที่ยวชิม ช้อป ใช้ ภายในพื้นที่ได้ตลอดเวลา” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวและว่า

โครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มฯ ไม่ต้องการดึงคนไทยมาทำการรักษาเป้าหมายหลักคือ ต้องการชาวต่างประเทศมาทำการรักษาและมาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เฉพาะ 2 ประเทศนี้ประชากรเกือบ 300 ล้านคน และสิงคโปร์ เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และประเทศจีน”

ขณะเดียวกัน การทำโครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มฯจะต้องมีการออกมาตรการควบคุม ทั้งเรื่องการรักษาจะต้องมีคุณภาพมาตรฐาน จะไม่มีการตัดราคา โดยโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ม.อ. เป็นผู้นำร่อง เป็นศูนย์กลาง และตามด้วยโรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลเอกชนอีก 3 แห่ง ต่างเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่และทันสมัย

นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้คณะทำงานโครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่มฯ ได้มีการหารือกันโดยมี รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เข้าร่วม ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการนำกัญชาเข้ามาใช้รักษาในโครงการ รวมถึงเรื่องการปลูกและการแปรรูปกัญชาทางการแพทย์ พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้เสนอให้เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่ม แอนด์ อนามิสซิตี้”

“แนวคิดที่จะนำกัญชามารักษาคนไข้ เพราะกัญชาเป็นยารักษาสารพัดโรค และโรคมะเร็งช่วงสุดท้าย รวมถึงการนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอาง อาหารเสริม เอ็นเตอร์เทน ฯลฯ ซึ่งหลายประเทศเปิดตลาดซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย เช่น กลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกามีการนิรโทษกัญชาเพิ่มขึ้นอีกบางรัฐ นอกจากนี้ ในประเทศมาเลเซียมีแนวโน้มดำเนินการเรื่องกัญชา มีแต่ประเทศไทยยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยกเว้นมีคำสั่งแพทย์ ดังนั้น ในเดือนเมษายน 2563 ทาง ม.อ.หาดใหญ่จะจัดงาน “วันกัญชาโลก” จะมีการรวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการปลดล็อกกัญชาในประเทศไทยต่อไป” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวและว่า

ที่ผ่านมาทางคณะแพทยศาสตร์ ม.อ.หาดใหญ่ ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ซี ดับบลิว เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาและปลูกกัญชาทางการแพทย์ ฯลฯ ทั้งนี้ เนื่องจากกัญชาในประเทศเนเธอร์แลนด์ค่อนข้างปลูกยาก เนื่องจากสภาพภูมิอากาศจึงทำให้ต้นทุนการผลิตกัญชาสูง

รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ม.อ. กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ม.อ.มีความพร้อมสูงสุดในการรองรับโครงการหาดใหญ่เมดิคอลทัวริซึ่ม แอนด์ อนามิสซิตี้ ทั้งคณะแพทย์ คณะพยาบาล สถานที่ ฯลฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/local-economy/news-392434


จำนวนผู้อ่าน: 2112

19 พฤศจิกายน 2019