ท่ามกลางธุรกิจดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ หรือ “ห้างสรรพสินค้า” ในหลายประเทศทั่วโลกทยอยปิดกิจการ สืบเนื่องจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยมุ่งสู่โลกการค้าออนไลน์มากขึ้น
ขณะที่ประเทศไทยกลับสวนกระแส ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ “โรบินสัน” ที่มีเครือข่ายมากสุดด้วยจำนวน 44 แห่งทั่วประเทศ ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การกุมบังเหียนของแม่ทัพใหม่ “วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่า “ไทย” ยังเป็นตลาดศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนธุรกิจเติบโต
วุฒิเกียรติ กล่าวว่า ตลาดประเทศไทยเป็นโอกาสธุรกิจที่ดีสำหรับโรบินสันที่มุ่งลงทุนระยะยาวต่อเนื่อง โดยมีทำเลยุทธศาสตร์ที่มีศักภาพสูงทั้งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) แนวตะเข็บชายแดน และเมืองท่องเที่ยว
“ธุรกิจห้างสรรพสินค้าไทยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งของระบบซัพพลายเชน อีกทั้งสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที สะท้อนจากอัตราการเติบโตและการขยายตัวทางธุรกิจสวนทางกระแสปิดตัวของห้างสรรพสินค้าในสหรัฐหรือประเทศอื่น”
ทั้งนี้ ภายใต้ “วิชั่น 2020” โรบินสันวางเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอย่างน้อย 9 แห่ง จากนี้ โดยจะมีสาขาให้บริการรวม 55 แห่ง ในสิ้นปี 2563 หรือเปิดเพิ่ม 3-4 สาขาต่อปี วางยุทธศาสตร์มุ่งตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่สุดของประเทศไทย
การมุ่งหน้าตลาดจังหวัดมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี เพราะเป็นตลาดที่ “ไร้คู่แข่งทางตรง” มีระดับใกล้เคียงกัน คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น บิ๊กซี หรือ เทสโก้ โลตัส แต่มีความแตกต่างกันทางด้านสินค้าและบริการอย่างชัดเจน ดังนั้นการเจาะตลาดที่แข่งขันต่ำ มีโอกาสของผลตอบแทนและการเติบโตที่ดีกว่า สอดรับนโยบายสำคัญของโรบินสันที่มุ่งลงทุนให้เกิดความมั่นคงและผลกำไร สนับสนุนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคู่ค้า
พร้อมกันนี้ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดค้าปลีกค่อนข้างซบเซา ทำให้โรบินสันชะลอการขยายสาขาจากอัตราเปิดใหม่สูง 5 สาขาต่อปีเหลือ 2-3 สาขาต่อปี แบะใช้จังหวะนี้ในการเรียนรู้ ศึกษาตลาดและลูกค้า ปรับระบบบริหารจัดการภายใน สร้างและทดลองโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เรียกว่า เตรียมความพร้อมธุรกิจ
“วันนี้ โรบินสันมีความยืดหยุ่นสูงในการขยายสาขาต่อก้าวรุกเจาะกลุ่มกลาง-บนของแต่ละจังหวัดซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของประเทศ”
ปัจจุบันโรบินสันสาขาให้บริการ 44 แห่ง ภายใต้ธุรกิจ 4 รูปแบบ ประกอบด้วย โรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ 44 สาขา ในจำนวนนี้ เป็น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ (ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์) 19 สาขา นอกจากนี้มีธุรกิจแบรนด์แมเนจเม้นท์ รวม 6 แบรนด์ และห้างสรรพสินค้าโรบินส์ เวียดนาม 2 สาขา
ทั้งนี้ “โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอลล์” ถูกวางเป็นหัวหอกในการขยายอาณาจักรโรบินสัน รองรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการสินค้าและบริการในวิถีคนเมือง สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า เป็นการปรับตัวจาก “Digital Disuption” ที่ร้านค้าปลีกแบบเดิมๆ ต้องปรับตัวให้ทันสถานการณ์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มี 3 ขนาด เพื่อจับวางตามทำเลและตลาดได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ ไซส์เอส “คอมแพ็ค” พื้นที่เฉลี่ย 3 หมื่นตร.ม.เจาะจังหวัดขนาดเล็ก อาทิ กำแพงเพชร ที่เตรียมเปิดบริการเดือน ธ.ค.นี้ ขณะที่จังหวัดขนาดใหญ่ขึ้นมา หรือระดับเมืองรอง ใช้ “ไซส์เอ็ม” พื้นที่เฉลี่ย 3.5 หมื่นตร.ม. อาทิ สกลนคร ร้อยเอ็ด มุกดาหาร แม่สอด จ.ตาก และ “ไซส์แอล” เจาะเมืองขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่บริการ 3.7 หมื่นตร.ม. เช่น สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ
วุฒิเกียรติ กล่าวย้ำว่า
ขนาดคอมแพ็คไซส์มีแนวโน้มขยายตัวสูงสามารถเปิดตลาดได้ทั้งจังหวัดขนาดเล็ก เมืองรอง รวมทั้ง “เปิดเพิ่ม” ในจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีโรบินสันเปิดบริการอยู่แล้ว เช่น ชลบุรี ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงกระจายตัวในหลายพื้นที่ ในปีหน้าเตรียมเปิดโรบินสันอีก 1 แห่งย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร
โดยเป้าหมายสาขาให้บริการ 55 แห่งในสิ้นปี 2563 จำนวนนี้ กว่าครึ่งจะเป็น “โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอลล์” ประมาณ 25 สาขา จากสิ้นปีนี้จะมีสาขารวม 20 แห่ง
ภายในสิ้นปีนี้ โรบินสัน จะเปิด 2 สาขาใหม่ โรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ “มหาชัย” และศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ กำแพงเพชร ส่งผลให้สิ้นปี โรบินสัน มีสาขารวม 46 แห่ง นับเป็นธุรกิจค้าปลีกที่มีสาขามากที่สุดครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมีพื้นที่การให้บริการรวมมากกว่า 1.2 ล้านตร.ม.
ที่มาข่าว : bangkokbiznews.com
จำนวนผู้อ่าน: 2201
21 พฤศจิกายน 2017