จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สถาบันการศึกษาหลายแห่งต้องหันมาใช้การเรียนการสอนผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจออนไลน์ได้รับความนิยมแบบก้าวกระโดด “โกลบิช” (Globish) สตาร์ทอัพ EdTech ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียน Live English Classroom ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระบุว่า วิกฤตในครั้งนี้กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยยกระดับการศึกษาไทยสู่ออนไลน์ในอนาคต
“ชื่นชีวัน วงษ์เสรี” เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยกับประชาชาติธุรกิจว่าในช่วงวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้การเรียนออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น มีบริษัทเอกชนไทยมากกว่า 5 บริษัทที่พร้อมใจกันพัฒนาแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ใหม่ๆ ขึ้นมาในช่วงไวรัสแพร่ระบาด ทำให้ตลาดเรียนออนไลน์ดูคึกคักมากกว่าเดิม จากที่ผ่านมาความนิยมเรียนออนไลน์กำลังค่อยๆ เติบโตในระดับที่ดีอยู่แล้ว ในช่วง 4 ปีหลัง เฉพาะแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ภาษาอังกฤษก็โตมากกว่า 30% แล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นรูปแบบ E-learning ส่วนรูปแบบการเรียนการสอนสดที่โต้ตอบกันได้ยังถือว่าน้อยมาก ดังนั้นระบบการเรียนการสอนสด (Online Live Classroom) ของโกลบิช ยังคงเป็นเบอร์ใหญ่ในตลาดอยู่
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2557 ที่โกลบิชเปิด “Online Live Classroom” เราเติบโตขึ้นถึง 350% ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 190% ขณะที่รายได้ขยายจาก 5.7 ล้านบาทในปี 2559 มาเป็น 97.8 ล้านบาทในปี 2562 สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการ 70% คือ ผู้ใหญ่วัยทำงานที่ซื้อคอร์สเรียนด้วยตนเอง เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ เจ้าของธุรกิจ คุณหมอ วิศวกร ฯลฯ อีก 20% เป็นกลุ่มเด็กอายุ 7-14 ปี ที่พ่อแม่ซื้อคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษให้ ส่วนกลุ่มที่เหลือเป็นองค์กรซื้อให้พนักงานเข้ามา ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 10 %
“เราตั้งเป้าว่าจะเติบโตประมาณ 2-4 เท่าของทุกปี และในปีนี้ คาดโตอีก 120% หรือทำรายได้ให้ได้ 250-300 ล้านบาท และจะทำให้ได้ 1 พันล้านบาท ภายในปี 2564 เพราะเรามีแผนสร้างโปรดักส์ที่เข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ มากขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาคนไทยให้เกิน 1 แสนคนภายใน 5 ปี”
ปัจจัยที่จะทำให้เติบโตมองว่า
“ชื่นชีวัน” กล่าวอีกว่า การเรียนการสอนสด ผู้เรียนสามารถเรียนด้วยเครื่องมือสื่อสารชนิดใดก็ได้ ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และสามารถเรียนเมื่ออยู่สถานที่ใดก็ได้ อนาคต หากมี 5G เข้ามารองรับทำให้อินเทอร์เน็ตแรงขึ้น จะยิ่งเป็นข้อดี เพราะสามารถพัฒนาไปสู่การใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เข้ามาเป็นลูกเล่นใหม่ๆ ให้การเรียนไม่น่าเบื่อ แต่มีประสิทธิภาพในการเรียนมากขึ้น โกลบิชพยายามทดสอบสองระบบนี้แล้ว ในการวิเคราะห์ภาพ เสียง ใบหน้าบนแพลตฟอร์ม เชื่อว่า หาก 5G เข้ามาเร็วๆ นี้ ก็จะช่วยให้ตลาดเรียนออนไลน์โตได้อีก
อย่างไรก็ดี Online Live class room ในต่างประเทศเป็นที่นิยมมาก มีบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วมากกว่า 5 บริษัท โดยเฉพาะ จีน ญี่ปุ่น ส่วนที่กำลังเติบโตคือเวียดนาม เกาหลี แต่ถ้าเป็นเรียนออนไลน์แบบ E-learning ในฝั่งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ค่อนข้างเป็นที่นิยมมาแล้ว เรียนจบรับใบประกาศนียบัตร สามารถนำไปยื่น สมัครงานได้เลย ส่วนไทยกำลังปรับตัวโดยเฉพาะช่วงนี้การเรียนออนไลน์ค่อนข้างมาแรง ถือเป็นแรงผลักดันระบบการศึกษาไทยไปสู่ออนไลน์แต่ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ซึ่งเชื่อว่าอนาคต หากมีการผสมผสานระหว่างออนไลน์ ออฟไลน์ ควบคู่กันไป จะทำให้การศึกษาก้าวหน้า ประโยชน์ของการเรียนในห้องเรียนคือได้สังคม ได้เพื่อน แต่เรียนออนไลน์จะช่วยในเรื่องของ ความเป็นส่วนตัว (Personalization) สามารถปรับการเรียนให้เข้ากับผู้เรียนแต่ละคนได้ และผู้เรียนมีความกล้าในการฝึกทักษะมากขึ้น
สำหรับแพลตฟอร์มที่โกลบิช คิดค้นขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะคนไทย ตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาด โกลบิช ได้จัดโครงการติวสอบแพทย์ (9 วิชาสามัญ) ให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่สนใจทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมทางความรู้ กระบวนการความคิด และเทคนิคการสอบแพทย์ต่างๆ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากมีนักเรียนร่วมติวกว่า 2,000 คน รวมทั้งโครงการ “Globish kids” การเรียนในรูปแบบ 1 on 1 Class ที่เป็นครูผู้สอน 1 คน ต่อผู้เรียน 1 คน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผู้เรียนทุกคนต้องวัดระดับภาษาเพื่อค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับตัวนักเรียนมากที่สุด และในระหว่างเรียนสามารถโต้ตอบกับโค้ชได้ทันทีผ่านวิดิโอคอลออนไลน์
และล่าสุดเปิดโครงการเรียนฟรี “Summer Class by Globish Kids” ประกอบด้วยคลาสรูมที่พร้อมรองรับผู้เข้าเรียนกว่า 100,000 คน ได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในเชิงพัฒนา จำนวนมากกว่า 100 คลาสภายในเดือนเมษายนนี้ โดย 1 คลาสรูมสามารถรองรับนักเรียนได้ 1,000 คน หลักสูตรถูกออกแบบการเรียนมาให้เหมาะกับระดับภาษาของเด็กไทยส่วนมาก จึงไม่ได้เจาะจงระดับภาษาของผู้เรียน เป็นหลักสูตรสำหรับผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น หรืออายุระหว่าง 7-14 ปี มุ่งเสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษที่รวบรวมคำศัพท์ และการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย ทักษะการพูด สนทนาตอบโต้ และทักษะการฟังให้เข้าใจ ในหัวข้อเรื่องราวต่างๆ ผ่านเกมที่สนุกเพื่อไม่ให้น่าเบื่อ พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โดยผู้เชี่ยวชาญภาษา การเรียนการสอนแบบสดผ่านระบบ Live Interaction ที่ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับครูผู้สอนได้แบบเรียลไทม์ผ่าน Comment, Poll และ Q&A ทั้งครูผู้สอนยังสามารถเลือกนักเรียนในห้องเรียนตอบคำถาม หรือถามคำถามผ่านแพลตฟอร์มทั้งในรูปแบบ Live Video และแบบเสียงได้ ซึ่งทำให้นักเรียนสามารถตอบโต้กับครูผู้สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการเรียน E-learning
“จากการเปิดแพลตฟอร์มดังกล่าว ตั้งแต่มีมาตรการให้กักตัวที่บ้าน มีผู้สมัครเข้ามาเรียนมากว่า 400 คนแล้ว และมีการสอนไปแล้ว 23 คลาส ซึ่งจัดวันละ 2 คลาส และจะขยายอีก 77 คลาสรูมในเดือนเมษายน ตอนนี้กำลังรับอาสาสมัครครูผู้สอนเพิ่มเพราะจะขยายการเรียนเพิ่มเป็นวันละ 4 คลาส หรืออาจจะมากกว่านี้ตามจำนวนผู้สมัครเข้ามาเรียน และผู้สมัครเข้ามาสอน อีกทั้งยังตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการเปิดสอนวิชาอื่นๆ เพิ่ม เช่น สิ่งแวดล้อม ความรู้รอบตัว ดนตรี ภาษาจีน ฯลฯ เพื่อให้เด็กๆ มีเวลาว่างน้อยลง”
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/education/news-440864
จำนวนผู้อ่าน: 2027
31 มีนาคม 2020