สยามดิสคัฟเวอรี่-ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม ถือเป็นการพลิกเกมครั้งสำคัญในวงการค้าปลีกประเทศไทยและระดับโลกของ “สยามพิวรรธน์”
หลังสร้างปรากฏการณ์ปิดปรับปรุงศูนย์การค้าเดิมที่เปิดบริการมากว่า 18 ปี เปิดบริการคอนเซปต์ใหม่เมื่อปี 2559 นำเสนอการค้าปลีกรูปแบบ “ไฮบริดรีเทล” ที่ผสมผสานทั้งด้านสินค้าบริการ นวัตกรรม กิจกรรมต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ยุคมิลเลนเนียลส์ที่มุ่งการค้นหาจุดยืนที่แตกต่างของตนเอง แต่ก็ต้องการร่วมมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับผู้อื่น นับเป็น “ไลฟ์สไตล์สเปเชียลตี้สโตร์” แห่งแรก ทุกพื้นที่ถูกออกแบบให้เปลี่ยนแปลงสินค้า บริการ และประสบการณ์ต่างๆ ที่ล้ำเทรนด์ได้ตลอดเวลา
ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” กล่าวว่า สยามพิวรรธน์มุ่งปฏิวัติวงการด้วยการนำเสนอคอนเซปต์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทยหรือเป็นครั้งแรกในโลก คือจุดยืนทางการตลาดที่เป็น “จุดขาย” สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน และการพัฒนาโครงการต่างๆ เน้นสร้างคุณค่าและความสำเร็จผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ประกอบการร้านค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน
บทพิสูจน์กลยุทธ์ที่มาถูกทางของสยามพิวรรธน์สะท้อนผ่าน 3 รางวัลระดับโลกของ “สยามดิสคัฟเวอรี่-ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม” ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศจากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers) Gold Award สาขา Design and Development Excellence Renovations/Expansions สำหรับโครงการที่ได้รับคัดเลือกว่าออกแบบดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และรางวัลชนะเลิศ Gold Award สาขา Marketing Positioning & Brand Awareness สำหรับโครงการที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดรวมถึงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ให้กับโครงการได้ยอดเยี่ยมที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และ รางวัล World Retail Awards part of the World Retail Congress Global Series สาขา Store Design of the Year2017 ชนะเลิศสำหรับโครงการที่ได้รับการคัดเลือกว่าออกแบบดีที่สุดในโลก
"ปรากฏการณ์กวาด 3 รางวัลชนะเลิศภายในปีเดียวกันจากการแข่งขันที่มีหลายร้อยโครงการทั่วโลกของสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นการยอมรับจากทั่วโลกว่าผู้ประกอบการไทยไม่เป็นรองใคร เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยมีพลังใจนำเสนอประสบการณ์อันยอดเยี่ยมแก่คนไทยและผู้มาเยือนจากทั่วโลก"
ชฎาทิพ กล่าวต่อว่า สยามดิสคัฟเวอรี่ ถูกพัฒนาตาม 4 กลยุทธ์หลักของสยามพิวรรธน์ กล่าวคือ สร้างสรรค์สิ่งใหม่และก้าวล้ำอยู่เสมอด้วยการสร้างต้นแบบการค้าปลีกแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิดไม่เคยมีมาก่อนหรือเป็นครั้งแรกในโลกที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ของการค้าปลีกและศูนย์การค้า ตัวอย่างจากสยามดิสคัฟเวอรี่ คือ การสร้างต้นแบบไฮบริดรีเทลสโตร์ที่บริหารอารมณ์มากกว่าบริหารสินค้า พลิกวิธีการค้าปลีกในรูปแบบเดิมที่เคยจัดวางสินค้าตามประเภทและตามแบรนด์ นำเสนอด้วยการผสมผสานหลายกลุ่มสินค้าตามเรื่องราวและความสนใจของผู้คน
ผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างสยามพิวรรธน์และผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 5,000 แบรนด์ สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ กล้าฉีกกฎร่วมกัน!! เพื่อนำเสนอ “Open space” ที่ไม่ได้ดิสเพลย์สินค้าตามแบรนด์แต่นำเสนอตามความสนใจของลูกค้า มีการเปลี่ยนแปลงสินค้าใหม่ 30% ทุก 6-8 สัปดาห์ ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจ ตื่นเต้น สนุกสนานทุกครั้งที่มาเยือน ถือเป็นการปฏิวัติได้สำเร็จเพราะแบรนด์สินค้าให้ความร่วมมือจากความเชื่อมั่นในคอนเซปต์ที่สร้างขึ้นมา
ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างเข้าใจและเข้าถึง สยามพิวรรธน์ก้าวข้ามการบริหารสินค้าไปสู่การบริหารจัดการอารมณ์และความต้องการของลูกค้า มุ่งสื่อสารกับลูกค้าเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ นำทุกสิ่งที่ลูกค้าอยากทำ อยากเป็น และอยากได้ มาปรับเปลี่ยนให้ตรงตามความต้องการอย่างรวดเร็ว
นำนวัตกรรมล้ำสมัยมาผสานในการค้าปลีก สร้างประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจ เช่น การพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล Connected Mobile Experiences (CMX) พร้อมด้วย Hyperlocation สื่อสารกับลูกค้าเสมือน “The Best Shopping Companion” ซึ่งลูกค้าจะได้รับ customized message ข้อมูลแนะนำสินค้าและโปรโมชั่นเฉพาะตน
องค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลผู้มาเยี่ยมเยือนและทำกิจกรรมต่างๆ ในสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นจากก่อนปรับโฉมถึง 50%
ที่มาข่าว : bangkokbiznews.com
จำนวนผู้อ่าน: 2143
24 พฤศจิกายน 2017