นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มหาเศรษฐีนี อันดับที่ 28 ครอบครองทรัพย์สินมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท แม่ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กับ “บีบีซีไทย” ว่า รอมา 2 วันยังไม่ได้รับจดหมายเปิดผนึกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
เธอบอกว่า “ถ้าท่านนายกฯ เชิญมา เราก็ไปสิ ส่วนการแสดงความคิดเห็นอะไร เราก็ดูตามเหตุการณ์ สุดท้าย 2 วันนี้ ก็พยายามตามข่าวว่าเรามีจดหมายมาไหม หรือเขาเชิญมาทางเน็ต ทางสายอะไรไหม ก็พยายามบอกเลขาฯ ทุกคนให้ช่วยกันเช็ก ของเราไม่มี แล้วก็ไม่มีชื่อ ก็เลยรอดตัวไป”
นางสมพร คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ “ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าปีกว่าจะมีโอกาสฟื้นตัว”
“ก็ลำบาก ๆ กันทุกภาคส่วน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เล็กก็ลำบากแบบเล็ก แต่เราใหญ่ก็ลำบากแบบใหญ่ ต้นทุนเราก็สูง ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ไม่เหมือนผลิตภัณฑ์อื่นที่วางขายได้ตามท้องตลาดทั่วไป แต่เราทำส่งลูกค้ารายไหนก็รายนั้น”
“ระยะหลัง ๆ ออร์เดอร์ลดลงหรือไม่มาเลย ทางเราก็ต้องหยุด มันแย่เลยทั้งอุตสาหกรรม ล้านนึง (เป้าหมายการผลิตรถยนต์ของ ส.อ.ท.) ก็ไม่รู้จะถึงไหม แต่ก่อนเราผลิตแล้วส่งออก แต่เดี๋ยวนี้ทุกประเทศย่ำแย่ ทุกคนไม่มีกำลังซื้อ ทำแล้วจะส่งใคร แม้เขาประกอบรถ แล้วเขาจะเอาไปขายใคร นอกจากนี้แต่ละประเทศก็พยายามสร้างฐานการผลิตของตัวเองอยู่แล้ว” ประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทระบุ
ยุทธศาสตร์การบริหาร “ยุคโควิด” ของนางสิงห์แห่งค่ายไทยซัมมิท ระบุว่า “ต้องลดค่าใช้จ่ายให้ตัวเบาลง ควบคู่การวางแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจใหม่ในภาวะวิกฤต เช่น เมื่องานน้อย ก็ให้พนักงานสับเปลี่ยนเวลาทำงาน หรือหยุดมากขึ้น แล้วจ่ายเงินให้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด”
“คิดว่าไตรมาส 3 และ 4 คงยังลำบากกันทั่ว ถ้าปีหน้า เปิดบ้านเปิดเมืองได้ หมายถึงเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้อง ไตรมาส 1 และ 2 ก็คงยังลำบาก น่าจะใช้เวลาปี 2564 อีกปีถึงจะเริ่มฟื้นเข้าที่เข้าทาง ยังต้องระวังตัวกันไม่ต่ำกว่าปีกว่าเลยว่าอย่างนั้น”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 “มหาเศรษฐีนี” นำเงินสดนับล้านไปแจกประชาชน ที่ชุมชนวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
นางสมพรเล่าว่า “หลังเกิดเหตุการณ์ เขาไปพูดว่าไปหาเสียง เตรียมให้ลูกหรืออะไรต่าง ๆ เราฟังแล้วก็.. คิดได้อย่างไรน่ะ เพราะที่ตรงนั้น เราไปครั้งแรกในชีวิตนะ แล้วก็พูดออกมาแบบพยายามโยงกับธนาธร”
“พอทราบข่าวว่ามาพูดถึงเราในทางลบ เรารู้สึกแย่มาก ทีแรกก็น้อยใจและโมโหด้วย แต่ได้คุยกับผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน ก็บอกว่าไปถือสาเขาทำไม… แต่เท่าที่ชั่งน้ำหนักดู ประเมินแล้วผลตอบรับเป็นบวกมากกว่าลบ บวกเสีย 95% ส่วนอีก 5% เป็นลบ ก็อย่าไปถือสาเขา ทำใจดีกว่า”
“มันชื่นใจนะที่ได้ไปเห็นคนยากจนกับตา เห็นคนที่เขาขาดเงินจริง ๆ ได้ให้เขากับมือ ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดกับหู” สมพรเผยความรู้สึก
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 เมษายน 2563 เธอนำเงินล้านไปบริจาคเพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุข ที่มูลนิธิ รพ.ราชวิถี หลังจากตั้งใจลงพื้นที่แจกเงินโดยมูลนิธิไทยซัมมิทประมาณ 3 ล้านบาท แต่ถูกวิจารณ์ไปในทางที่เข้าใจว่าป็นการ “ซื้อเสียง”
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/prachachat-hilight/news-455190
จำนวนผู้อ่าน: 2054
25 เมษายน 2020