REUTERS/Joshua Roberts/File Photo
วันที่ 19 มิถุนายน 2563 ข่าวสดรายงานอ้างข้อมูลจากบีบีซี ว่า สายการบินอเมริกันแอร์ไลนส์ ของสหรัฐฯ ได้ เชิญผู้โดยสาร ที่ปฏิเสธสวมหน้ากากอนามัย ออกจากเที่ยวบิน อ้างเป็นนโยบายป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยผู้โดยสารคนดังกล่าว คือ นายแบรนดอน สตรากา อดีตนักแสดงและนักออกแบบทรงผม ซึ่งได้รับการขอร้องให้สวมหน้ากากอนามัย บนเที่ยวบิน 1263 เส้นทางการบินนิวยอร์ก-ดัลลัส รัฐเท็กซัส เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 17 มิถุนายน แต่เจ้าตัวปฏิเสธ จึงถูกเชิญออกจากเที่ยวบิน เขาจึงเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมไม่สวมหน้ากากก็ถูกเชิญออกจากเที่ยวบิน เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นแบบนี้ นี่ไม่ใช่กฎหมายรัฐบาลกลางสักหน่อย” นายสตรากา ทวีตข้อความจากสนามบินลากวาร์เดียของนิวยอร์ก
I was just removed from my flight for not wearing a mask. 1st time this has happened. Not a federal law. @AmericanAir staff standing over me telling me it’s THE LAW. So much for “please respect those who can not wear a mask”. When I pointed out this wasn’t a law I was removed.
นอกจากนี้ นายสตรากา ยังอัดคลิปตัวเองและโพสต์ลงทวิตเตอร์ ระบุข้อความว่า นโยบายการสวมหน้ากากอนามัย “สุดบ้าคลั่ง” และ “เราไม่มีทางเลือกอีกต่อไป” เผยด้วยว่า ลูกเรือแจ้งข้อมูลอย่างผิดๆ แก่ตน ว่า การสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน “เป็นกฎหมาย”
“เมื่อผมบอกว่า นี่ไม่ใช่ความจริง ลูกเรือยังบอกใช่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า นี่เป็นนโยบายของเรา หากคุณไม่ทำตาม จะไม่สามารถเดินทางไปกับเราได้ ผมบอกไปว่า ไม่มีใครถามผมว่ามีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัยได้หรือไม่ แต่ลูกเรือทั้งหมดยืนรอบๆ และข่มขู่ผม” นายสตราการะบุ
Brandon Straka @BrandonStraka
pscp.tv
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเที่ยวบินดังกล่าวพอดี จึงได้ใช้โทรศัพท์มือถืออัดคลิปเหตุการณ์ ระหว่างที่ นายสตรากา โต้เถียงกับลูกเรือ ซึ่งต่อมาถาม นายสตรากา ว่า มีโรคประจำตัวหรือไม่ และมีเอกสารยืนยันหรือไม่ จากนั้น ลูกเรืออีกคนตะโกนใส่ว่า “คุณสวมหน้ากากอนามัยได้ไหมหรือจะลงไป”
he just got off the plane and ppl applauded lmaooo
ขณะที่ อเมริกันแอร์ไลนส์ชี้แจงว่า กฎการสวมหน้ากากอนามัยจะยกเว้นสำหรับเด็กและผู้โดยสารเวลากินหรือดื่ม และผู้มีโรคประจำตัว ส่วนกรณีของนายสตรากา ต่อมาได้ยินยอมที่จะปฏิบัติตามนโยบายการสวมหน้ากากอนามัยของสายการบิน และจองเที่ยวบินใหม่ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม นายสตรากา ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ตนได้สวมหน้ากากอนามัยที่สายการบินจัดมาให้ก่อนจะขึ้นเที่ยวบิน แต่ถอดออกไปเมื่ออยู่บนเครื่องบิน
เมื่อซีเอ็นเอ็น สอบถามเพิ่มเติมว่า นายสตรากามีโรคประจำตัวหรือไม่ เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว บอกแต่เพียว่า รู้สึกเป็นการยากที่จะห้ามสวมหน้ากากอนามัย
ทั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ออกกฎหมายรัฐบาลกลาง บังคับให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากบนเครื่องบิน แต่เกือบทุกสายการบินของสหรัฐฯ บังคับใช้กฎการสวมหน้ากากอนามัยสำหรับผู้โดยสารและลูกเรือมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
สำหรับอเมริกันแอร์ไลนส์ ได้ประกาศนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการสวมหน้ากากอนามัย เมื่อวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม ว่า ผู้โดยสารที่ปฏิเสธสวมหน้ากากอนามัยจะไม่ได้รับอนุญาตขึ้นเครื่องบิน และถูกห้ามการเดินทางกับสายการบินในอนาคต
มติชนรายงานอีกดราม่าที่เกี่ยวกับการบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน โดยอ้างข้อมูลจากจาการ์ต้าโพสต์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่า สายการบินการูดา สายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซียเตรียมยกเลิกมาตรการให้พนักงานต้อนรับสวมหน้ากากอนามัย โดยให้เหตุผลว่าถูกผู้โดยสารหลายรายร้องเรียนว่ามองไม่เห็นหน้า เลยไม่รู้ว่ายิ้มอยู่หรือไม่
ภาพจากเว็บไซต์ www.garuda-indonesia.com
สายการบินการูดา กลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจากต้องหยุดบินไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก โดยพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของสายการบิน
อย่างไรก็ตาม นายอิร์ฟาน เซเตียปุตรา ประธานอำนวยการของสายการบินการูดา เผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสารจำนวนมากว่า มองไม่เห็นหน้าของพนักงานต้อนรับ ทำให้ไม่เห็นว่าพนักงานต้อนรับกำลังยิ้มหรือทำหน้าบึ้งอยู่
อิร์ฟาน ระบุว่า สายการบินจะค่อยๆ ลดการให้พนักงานต้อนรับใช้หน้ากากอนามัยลง และจะเปลี่ยนไปเป็นการใช้เฟซชิลด์ แทน
แต่ในเวลานี้จะยังคงให้พนักงานต้อนรับใช้หน้ากากอนามัยไปก่อน โดยกรอบเวลาสำหรับนโยบายใหม่นั้น จะมีการประกาศต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/world-news/news-479519
จำนวนผู้อ่าน: 2005
19 มิถุนายน 2020