โควิดฉุดจีทูจีขายข้าวจีนไม่คืบ “พาณิชย์” เร่งสปีดขยายตลาดแอฟริกา

Photo by NICOLAS ASFOURI / AFP

การเจรจาจีทูจีข้าวไทยกับจีน ล่าช้าจากหลายปัจจัย สต๊อกข้าวจีน ราคาข้าวไทย ขณะที่การส่งออกข้าวไทยเดือนกรกฎาคม 2563 เพิ่มขึ้นจากแอฟริกาหันมานำเข้าข้าวไทย ส่งผลให้เดือนสิงหาคมการส่งออกข้าวยังขยายตัว

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเดินหน้าเจรจาสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐวิสาหกิจจีน คอฟโก้ เพื่อนำเข้าข้าวไทย 300,000 ตัน ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากสัญญาที่รัฐบาลลงนามไว้ 1 ล้านตัน โดยปัจจุบันได้ส่งมอบไปแล้ว 700,000 ตัน กรมฯ เดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของของโวิด-19 สถานการณ์สต๊อกข้าวของจีน รวมไปถึงราคาซื้อ-ขายข้าวไทย ที่ราคาข้าวไทยตอนนี้ยังสูง ส่งผลให้การเจรจาอาจจะล่าช้าอยู่บ้าง ซึ่งกรมฯ ก็พร้อมเดินหน้าเจรจาอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยต่อไป

ปัจจุบันจากรายงานข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่า การส่งออกข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กรกฎาคม) มีปริมาณ 3,295,046 ตัน โดยปริมาณส่งออกลดลง 32.9% และมีมูลค่า 69,470 ล้านบาท หรือ 2,222.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าลดลง 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีการส่งออกปริมาณ 4,907,467 ตัน มูลค่า 81,847 ล้านบาท หรือ 2,596.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขณะที่การส่งออกข้าวในเดือนกรกฎาคม 2563 มีปริมาณ 409,451 ตัน ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 31.6% มีมูลค่า 7,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563 ที่ส่งออกได้เพียง 311,166 ตัน มูลค่า 7,310 ล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากการส่งออก ข้าวขาวและข้าวนึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้นำเข้าโดยเฉพาะในแถบแอฟริกาได้หันมานำเข้าข้าวจากไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศอินเดียกำลังเผชิญกับการระบาดของเชื้อ COVID-19 อย่างหนัก ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานและอุปสรรคด้านลอจิสติกส์ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกที่ต้องชะลอลง

ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2563 มีการส่งออกข้าวขาว ปริมาณ 164,041 ตัน เพิ่มขึ้น 34.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศแองโกล่า แคเมอรูน ญี่ปุ่น โมซัมบิก เบนิน เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวนึ่งมีปริมาณ 118,673 ตัน เพิ่มขึ้น 134.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนใหญ่ส่งไปตลาดประจำ ในแถบแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ เบนิน แคเมอรูน เยเมน เป็นต้น สำหรับการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 58,464 ตัน ลดลง 23.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนซึ่งส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังตลาดประจำ เช่น สหรัฐฯ ฮ่องกง จีน แคนาดา สิงคโปร์ เป็นต้น

รายงานจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวไทยในเดือนสิงหาคม 2563 คาดว่าจะมีปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 400,000-450,000 ตัน เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าในแถบแอฟริกายังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวจากไทยทั้งข้าวขาวและข้าวนึ่ง เพราะทั้งอินเดีย และปากีสถานต่างประสบปัญหาด้านลอจิสติกส์ ซึ่งทำให้การส่งมอบล่าช้า ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับอานิสงส์แต่ก็เป็นปริมาณที่ไม่มากนัก ในส่วนของการส่งออกข้าวหอมมะลิมีแนวโน้มชะลอลงเนื่องจากประเทศผู้นำเข้าได้นำเข้าไปเป็นจำนวนมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้มีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว

ส่วนภาวะราคาข้าวของไทยในช่วงนี้ยังคงสูงกว่าประเทศคู่แข่งที่สำคัญ แม้ว่าค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แต่เนื่องจากอุปทานข้าวในประเทศมีจำกัด และมีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยทำให้ราคาข้าวภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง จึงส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นและห่างจากประเทศคู่แข่งประมาณ 40-150 เหรียญสหรัฐฯ

โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 สมาคมฯประกาศราคาข้าวขาว 5% ที่ 525 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่เว็บไซต์ Oryza.com รายงานราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ที่ 485-489, 368-372 และ 393-397 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ตามลำดับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/economy/news-521665


จำนวนผู้อ่าน: 1876

15 กันยายน 2020