บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอิงทางลงเป็นหลักระหว่าง 1,600-1,620 จุด บริเวณแนวรับแถว 1,600-1,605 จุด อาจรีบาวนด์สั้น ๆ แต่โอกาสปรับตัวลงต่อยังมี เสี่ยงหลุด 1,600 จุด ตลาดไร้ปัจจัยหนุนใหม่ ฟันด์โฟลว์ต่างชาติพลิกไหลออกช่วง 2 วันทำการเกือบ 6.6 พันล้านบาท ด้านประชุม COP26 หนุนธีม “พลังงานสะอาด-อีวี” หุ้นเปิดเมืองราคาวิ่งสูง คาดวัคซีน Moderna เข้ามาช่วยลดการระบาดโควิด ธีมนี้ยังน่าสนใจ ย่อตัวจังหวะสะสม พร้อมฟื้นตัวโดดเด่นในปีหน้า
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index เช้านี้จะแกว่งตัวในกรอบ แต่อิงทางลงเป็นหลักระหว่าง 1,600-1,620 จุด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะกลับมาให้น้ำหนักกับประเด็นการประชุม FOMC ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย. 2564 ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะประกาศทำ QE Tapering อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ปัจจัยภายในเรื่องการเปิดประเทศในช่วงแรก อาจต้องรอดูการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะหนึ่งก่อน โดยรวมจึงยังดูไม่คึกคักมากนัก ภาพรวมตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่
อย่างไรก็ดี แม้เชื่อว่าที่บริเวณแนวรับแถว 1,600-1,605 จุด อาจมีการรีบาวนด์สั้น ๆ แต่โอกาสปรับตัวลงต่อยังมี เนื่องจากทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) พลิกไหลออกจากตลาดหุ้นไทยชัดเจนในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมาที่ต่างชาติขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยเกือบ 6.6 พันล้านบาท
ติดตามการประชุม COP ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-3 พ.ย. 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ของผู้นำโลกกว่า 120 ประเทศ โดยเป้าหมายการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญถึงทิศทางด้านสภาพอากาศของโลกด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อควบคุมไม่ให้อุณหภูมิของโลกสูงเกินไป ซึ่งจะหนุนการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงานจากถ่านหินและฟอสซิล สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้เร็วขึ้น
ในส่วนของประเทศไทยนั้น มีแผนผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 15 ล้านคัน (ประมาณ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั่วประเทศ) ภายในปี 2578 หลังจากนี้ต้องรอดูมาตรการภาครัฐหนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะลดหรือยกเว้นภาษีให้กับการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายในประเทศในช่วงแรก เพื่อผลักดันเป้าหมายการเป็นประเทศยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle : ZEV)
และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในอีกราว 40 ปีข้างหน้า ดังนั้นการประชุม COP26 จะหนุนธีมพลังงานทดแทนและ EV กลับมาโดดเด่น ทางฝ่ายเลือกหุ้น NEX, EA เป็นหุ้นได้ประโยชน์หลักจากธีมนี้ ส่วนหุ้นรองลงมาที่ชอบ ได้แก่ BGRIM, GPSC ขณะที่ปัจจัยนี้เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานถ่านหินและฟอสซิล
ขณะที่หุ้นกลุ่มเปิดเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตอบรับการเปิดประเทศค่อนข้างน้อย เนื่องจากราคาได้ปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่การคลาย Lockdown ช่วงปลายเดือน ส.ค. 2564 จึงทำให้หลายตัวมีระดับราคาค่อนข้างสูง แต่จากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่ยังดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่าระดับก่อนจุดวิกฤตระลอก 3 แล้ว
อีกทั้งการเข้ามาของวัคซีน mRNA อย่าง Moderna จะยิ่งช่วยลดการระบาดได้ดียิ่งขึ้น ทางฝ่ายวิจัยจึงมองว่าธีมนี้ยังน่าสนใจและการย่อตัวเป็นจังหวะสะสมที่ดี พร้อมฟื้นตัวโดดเด่นในปีหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/finance/news-793800
จำนวนผู้อ่าน: 1463
02 พฤศจิกายน 2021