ยักษ์ชิปจีน SMIC เพิ่มกำลังผลิต 3 เท่า ท่ามกลางศึกรอบด้าน

ปัญหาขาดแคลน “ชิป” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้ผลิตชิปทั่วโลกได้รับอานิสงส์จากความต้องการที่ยังสูงต่อเนื่อง รวมถึง “เอสเอ็มไอซี” (SMIC) บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของจีน ที่แม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของสหรัฐอเมริกา รวมถึงความไม่แน่นอนจากนโยบายการควบคุมบริษัทเอกชนของรัฐบาลจีน แต่บริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล โค. หรือ “เอสเอ็มไอซี” ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2021 มีรายได้ 1,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25% ซึ่งเอสเอ็มไอซีคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39%

พร้อมกันนี้เอสเอ็มไอซียังเปิดเผยแผนการก่อสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเสิ่นเจิ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ด้วยเม็ดเงิน 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีน โดยตั้งเป้าสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 3 เท่า

ทั้งนี้ “เอสเอ็มไอซี” เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ถูกรัฐบาลสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐ ด้วยข้อกล่าวหาว่าเอสเอ็มไอซีมีความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน

 

แต่การเร่งสร้างซัพพลายเชนด้านเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีหันมาใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนจีน เช่น เสียวหมี่ (Xiaomi) ออปโป้ (Oppo) และวีโว่ (Vivo) ที่ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน “ท็อป 5” ของโลก รวมถึงแบรนด์น้องใหม่อย่างออเนอร์ (Honor) และทรานส์ชั่น (Transsion) ก็กำลังตีตลาด

แนวโน้มที่ดีของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนจีนส่งผลให้ความต้องการชิปภายในประเทศแข็งแกร่ง โดยรายได้ของเอสเอ็มไอซีเกือบ 67% ในไตรมาส 3/2021 มาจากลูกค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของเอสเอ็มไอซีราว 31-32%

“จ้าวไห่จุน” ซีอีโอร่วมของเอสเอ็มไอซี ระบุว่า “เราได้เห็นจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศ จากความขาดแคลนชิปทั่วโลกในเวลานี้ ส่วนลูกค้ารายใหม่ในจีนหลายรายก็ต้องการชิปที่ผลิตภายในประเทศ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา “เจียงซางอี” รองประธานเอสเอ็มไอซี ซึ่งเป็นอดีตซีโอโอร่วมของ “ทีเอสเอ็มซี” (TSMC) ยักษ์เซมิคอนดักเตอร์ไต้หวัน ได้ลาออกจากเอสเอ็มไอซีอย่างกะทันหันพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงอีก 3 ราย

ส่งผลให้เกิดคำถามถึงความขัดแย้งภายในคณะกรรมการบริหาร รวมถึงปัญหาจากการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีนในเวลานี้หรือไม่ โดยซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ก่อนหน้านี้เอสเอ็มไอซีเคยได้รับคำเตือนด้านกฎระเบียบจากฝ่ายกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

โดยภายหลังข่าวการลาออกผู้บริหารระดับสูงของเอสเอ็มไอซีดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของเอสเอ็มไอซีในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงร่วงลงราว 4% และทำให้เอสเอ็มไอซีเป็นที่จับตาว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ผลิตชิปรายใหญ่แห่งนี้อย่างไร

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/world-news/news-803583


จำนวนผู้อ่าน: 1857

18 พฤศจิกายน 2021