ธพว. ออกสินเชื่อ BCG Loan กู้ได้สูงสุด 50 ล้านบาท ช่วยยกระดับธุรกิจโตยั่งยืน

ธพว. ร่วมกับ ศศินทร์ เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น SMEs ไตรมาส 3 ชี้กำไรเอสเอ็มอีต่ำกว่าช่วงโควิดกว่า 21.94% สะท้อนความเปราะบาง ลุยออกสินเชื่อ BCG Loan กู้ได้สูงสุด 50 ล้านบาท ช่วยยกระดับธุรกิจเติบโตยั่งยืน

วันที่ 9 กันยายน 2565 นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ภาพรวมผู้ประกอบการ SMEs มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยและธุรกิจเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นปัจจัยสนับสนุน และ SMEs สามารถปรับตัวทางธุรกิจได้ดีขึ้น

โดยเฉพาะด้านการทำตลาด การบริหารจัดการต้นทุน รองรับภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ภาพรวมกำไรของผู้ประกอบการ SMEs ในปัจจุบันต่ำกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 เฉลี่ยประมาณ 21.94% โดยเฉพาะกลุ่มขนาดย่อม (Micro) และภาคบริการ ผลกำไรฟื้นตัวได้ช้ากว่ากลุ่มอื่น

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของ SMEs บางกลุ่ม ทั้งการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และความกังวลต่อภาวะต้นทุน ดังนั้น ธพว.จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ SMEs รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อจะช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ SMEs ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะดูแลต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถวางแผนบริหารจัดการได้เหมาะสม


 

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการเข้าสู่ BCG Model ซึ่งมีส่วนช่วยลดต้นทุนของธุรกิจ พร้อมสนับสนุน “เติมทุน” ด้วยสินเชื่อ BCG Loan วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท เงื่อนไขพิเศษดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี ผ่อนนานถึง 12 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 2 ปี ควบคู่กับสนับสนุนด้าน “การพัฒนา” ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินโครงการ “SME D Coach” จัดกิจกรรมเติมความรู้ และให้คำปรึกษาแนะนำธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs

ด้าน ดร.มยุขพันธุ์ ไชยมั่นคง ผู้อำนวยการโครงการ ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเสริมว่า จากการสำรวจ SMEs จำนวน 500 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 56.82 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งอยู่ในระดับ 56.00 จากปัจจัยบวกกำลังซื้อและการจับจ่ายภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความกังวลต่อภาวะต้นทุนสูงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะที่แนวโน้มความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการ SMEs เชื่อมั่นว่าผลประกอบการและคำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันส่งผลให้ปริมาณการผลิต และสภาพคล่องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ความกังวลจากภาวะต้นทุนสูงคลี่คลายลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม สัดส่วน SMEs ที่คาดว่าจะลงทุนเพิ่ม หรือจ้างงานเพิ่มยังอยู่ในระดับต่ำ

“ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SMEs ต่อระดับเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น พบว่า 97.60% ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต้นทุนค่าขนส่งและราคาวัตถุดิบ กำลังซื้อของลูกค้าลดลง ซึ่งที่ผ่านมา กว่า 53.07% มีการปรับตัว ผ่านการขึ้นราคาสินค้าและบริการ ส่วน 36.48% บริหารจัดการลดต้นทุน ได้แก่ การหาวัตถุดิบอื่นมาทดแทน หรือหา Supplier รายใหม่ รวมถึงลดขนาดและปริมาณ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ นำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจ เป็นต้น”

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/finance/news-1043625


จำนวนผู้อ่าน: 980

09 กันยายน 2022