ตามที่มีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ เช้าวันนี้ Uber ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะขายธุรกิจทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ให้กับคู่แข่งรายสำคัญในพื้นที่ Grab ซึ่ง Grab ระบุว่าเป็นดีลบริษัทสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคที่เคยมีมา
รายละเอียดของดีลนั้น Uber จะได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น 27.5% ใน Grab และ Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber จะเข้ามานั่งเป็นบอร์ดบริหารใน Grab ด้วย โดยการควบรวมนี้ Grab จะได้ทุกธุรกิจของ Uber ในภูมิภาคคือบริการแชร์รถ และบริการส่งอาหาร Uber Eats ด้วย
ธุรกิจของ Uber ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Grab จะได้ไป ได้แก่ในประเทศ กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เมียนมาร์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เวียดนาม และไทย
ผลที่จะเกิดขึ้นจากดีลดังกล่าว ทำให้ Grab ลดคู่แข่งอย่าง Uber ออกไปจากภูมิภาค อย่างไรก็ตามอินโดนีเซียยังเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากที่นั่นมี Go-Jek เป็นคู่แข่งสำคัญ และ Go-Jek ก็มีแผนจะบุกตลาดฟิลิปปินส์ในปีนี้
Grab ระบุว่ากำลังร่วมมือกับ Uber เพื่อเตรียมย้ายผู้ขับรถ Uber และผู้ใช้ Uber ในภูมิภาคมาอยู่ในแพลตฟอร์มของ Grab รวมทั้งทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Uber Eats โดยบริการ Uber Eats จะให้บริการจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber กล่าวในแถลงการณ์กับพนักงาน Uber ไว้น่าสนใจว่า การขายกิจการ นับตั้งแต่จีน, รัสเซีย มาจนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่กลยุทธ์หลักของ Uber ตอนนี้ ปัญหาที่ผ่านมาของ Uber คือมีการออกสู่ตลาดทั่วโลกมากเกินไป แข่งขันมากเกินไป และแต่ละพื้นที่ก็มีคู่แข่งเยอะมาก การขายกิจการบางส่วนทำให้ Uber โฟกัสกับตลาดสำคัญได้ดีมากขึ้น ขณะที่ตลาดอื่น Uber ก็เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้น ได้ผลประโยชน์ร่วมกับผู้นำในตลาด
Khosrowshahi บอกว่า Uber ลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ไปแล้วกว่า 700 ล้านดอลลาร์ การขายกิจการโดยแลกเปลี่ยนกับหุ้น Grab ที่มีมูลค่ามากกว่าพันล้านดอลลาร์ (ประเมินตามมูลค่าล่าสุดอยู่ราว 1,500-2,000 ล้านดอลลาร์) จึงถือเป็นชัยชนะของทีม Uber ในภูมิภาคนี้ทุกคน
ขอบคุณข่าวจาก : blognone.com
จำนวนผู้อ่าน: 2142
27 มีนาคม 2018