“ฮอนด้า” เอาแน่ “อีโคคาร์-ไฮบริด” หลังยื่นบีโอไอผลิตรถยนต์ 3 ประเภท ระบุสัดส่วนกลุ่มรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขยายตัวรวดเร็ว สอดรับวิชั่นฮอนด้าปี 2030 ลั่นปีนี้ขายตามเป้า 1.26 แสนคัน
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน 3 ประเภท ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี กับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มูลค่า 5,821 ล้านบาท และซัพพลายเออร์ฮอนด้าอีก 1.8 หมื่นล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทิศทางฮอนด้าต่อจากนี้จะเน้นทำตลาดรถยนต์ทั้ง 3 ประเภทนี้ให้มากขึ้น
นายพิทักษ์กล่าวว่า โปรดักต์แรกที่จะทำตลาดได้แก่ รถซีดานขนาดใหญ่ แอคคอร์ด ไฮบริด ซึ่งเงื่อนไขบีโอไอยังเปิดช่องให้ค่ายรถนำแพ็กเกจที่ได้รับการส่งเสริมแล้วมารวมได้ เช่น อีโคคาร์เฟสแรก หรือเฟส 2 ถ้าใช้เทคโนโลยีไฮบริด สามารถนับรวมได้ตามเงื่อนไขอีโคคาร์ที่กำหนดจำนวนการผลิต ซึ่งฮอนด้ามองเห็นเป็นช่องทางทำตลาด โดยเฉพาะอีโคคาร์-ไฮบริด ที่ตอบเทรนด์โลกด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้งานที่สะดวก ประหยัด
“เราเชื่อว่าสัดส่วนของรถไฮบริดในอนาคตจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ฮอนด้า รถยนต์หนึ่งรุ่นที่ผลิตเกินกว่าครึ่งน่าจะเป็นไฮบริด หรือปลั๊ก-อิน ประเด็นนี้จะสอดรับกับวิชั่นของฮอนด้าปี 2030 ที่ประกาศผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า 2 ใน 3 จากที่ผลิตทั้งหมด และไปได้ว่าอีโคคาร์รุ่นต่อไป หรือไมเนอร์เชนจ์ อาจได้เห็นอีโคคาร์ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด”
ส่วนยอดขายฮอนด้าช่วงครึ่งปีแรกทำได้ตามเป้าหมาย มียอดขายสะสมเดือนมกราคม-มิถุนายน 2561 จำนวน 59,838 คัน ทั้งนี้ นับรวมฮอนด้า บีอาร์-วี เอชอาร์-วี และซีอาร์-วี ครองส่วนแบ่งตลาด 26.1% และครองที่ 1 ใน 4 เซ็กเมนต์หลัก ทั้งซับคอมแพ็กต์ ซิตี้ และแจ๊ซ, กลุ่มคอมแพ็กต์ ซีวิค และซีวิค แฮตช์แบ็ก, กลุ่มแฟมิลี่ แอคคอร์ด และแอคคอร์ด ไฮบริด และกลุ่มเอสยูวี บีอาร์-วี, เอชอาร์-วี และซีอาร์-วี
“เรามั่นใจว่าตลาดฟื้นตั้งแต่ปีที่แล้ว จากปัจจัยเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จะทำให้ยอดขายในตลาดรวมปีนี้มากกว่า 950,000 คัน ฮอนด้าคาดทำยอดขายได้ตามเป้า 126,000 คัน”
สำหรับแผนรุกตลาดครึ่งปีหลัง จะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตยนตรกรรมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะมุ่งเน้นพัฒนายนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ คู่ไปกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฮอนด้าจะเน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแบบไหน สิ่งที่ฮอนด้าไม่เคยเปลี่ยน และเราโฟกัสมากที่สุดคือลูกค้า ฮอนด้าได้รับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ทาก้าอวอร์ด ด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ 6 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2555 ชี้ชัดว่า ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ฮอนด้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายพิทักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอีโคคาร์-ไฮบริด ก่อนหน้านี้มีค่ายรถญี่ปุ่นเข้าไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง พร้อมเสนอรายละเอียดการลงทุนแพ็กเกจอีโคคาร์ เฟส 2 แต่จะขอพ่วงแพ็กเกจไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และอีวีด้วย โดยเห็นว่าเทคโนโลยีที่แต่ละค่ายมีอยู่ในปัจจุบัน สามารถผลิตรถยนตตามความต้องการลูกค้าได้ตามเงื่อนไขทั้ง 2 แพ็กเกจ ประหยัด ปลอดภัย และรักษ์โลก โดยมีการร้องขอว่า หากสามารถผลิตได้ตรงตามข้อกำหนดกระทรวงอุตสาหกรรม สมควรได้รับสิทธิประโยชน์รวม 2 แพ็กเกจพร้อมกันคือ อีโคคาร์เฟส 2 ใช้น้ำมันอี 85 เสียอัตราภาษี 10% พ่วงแพ็กเกจไฮบริด ซึ่งกระทรวงการคลังคิดอัตราภาษีสรรพสามิตลดลงอีก 50% แต่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เพียงแต่เลขาฯบีโอไอยืนยันว่าสามารถนับจำนวนรวมกันได้เท่านั้น
ที่มา : https://www.prachachat.net/motoring/news-200222
จำนวนผู้อ่าน: 2275
06 สิงหาคม 2018