จับตาครึ่งปีหลังกระแส cryptocurrency กลับมาบูมอีกครั้งในไทย หลังครึ่งปีแรกราคาดิ่ง “คอยน์ แอสเซท” ชี้กฎ ก.ล.ต.ชัดเจนเอื้อต่อนักลงทุน คาดสิ้นปียอดเทรดทั้งตลาดโตจาก 3,000 ล้านบาท/วันได้อีก 2-3 เท่าตัว ลุยยื่นขอไลเซนส์พร้อมเปิดตัว “crypto ATM” ตู้ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลอัตโนมัติแห่งแรกในอาเซียน
นายศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) ผู้ให้บริการศูนย์กลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล Coinasset.co.th เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ยังได้รับความนิยมในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาจะซบเซาลงไปบ้างเนื่องจากราคาเงินดิจิทัลหลายสกุลอยู่ในช่วงขาลง แต่คาดว่าในช่วงหลังจากนี้จนถึงสิ้นปีจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“มูลค่าการเทรด cryptocurrency ในไทยประเมินกันว่าอยู่ราว 3,000 ล้านบาทต่อวัน แต่ส่วนใหญ่เป็นการเทรดใต้ดิน ส่วนที่อยู่บนเว็บไซต์ตลาดแลกเปลี่ยนกลาง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 3-4 รายที่กำลังขอรับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) รวมมีมูลค่าราว 10% เท่านั้น โดยในส่วนของ Coinasset.co.th อยู่ที่ราว 2-3 ล้านบาทต่อวัน มีลูกค้ามาเปิดบัญชีสำหรับเทรดราว 10,000 ราย แต่คาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ราย ขณะที่มูลค่าเทรดทั้งตลาดรวมเชื่อว่าจะโตขึ้น 2-3 เท่าภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากตลาด Coinasset.co.th กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง”
หลังจากเมื่อต้น ม.ค.ที่ผ่านมาค่าเงินบิตคอยน์อยู่ที่ 5.9 แสนบาท ลงไปต่ำสุดปลายเดือน มิ.ย.ที่ 1.9 แสนบาท ล่าสุดอยู่ราว 2.6 แสนบาทต่อ 1 บิตคอยน์
สำหรับ Coinasset.co.th เป็นตลาดกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล เปิดให้บริการมา 6 เดือนแล้ว หลังจากใช้เวลาพัฒนาระบบราว 2 ปีด้วยเงินลงทุน 50 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับใบอนุญาตชั่วคราวให้ประกอบธุรกิจได้ 90 วัน ในระหว่างกำลังยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจาก ก.ล.ต.หลังจากมีประกาศให้ผู้ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมายื่นขอรับใบอนุญาตเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
“คาดว่าบริษัทจะสามารถคืนทุนได้ภายในกลางปี 2562 ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลที่ซื้อขายบน Coinasset.co.th5 สกุล และกำลังจะอัพเกรดระบบเพื่อเพิ่มสกุลเงิน ราวสิ้นปีจะรองรับได้ถึง 10 สกุล โดยบริษัทมีรายได้จากค่าธรรมเนียม 0.25% ต่อธุรกรรม”
ล่าสุดได้เปิดตัวตู้อัตโนมัติสำหรับซื้อ-ขายเงินดิจิทัล “Crypto ATM” โดยสามารถรองรับการใช้เงินบาท เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร เงินหยวน สำหรับแลกเปลี่ยนกับเงินดิจิทัลสกุล Bitcoin (BTC), Ether (ETH), Litecoin (LTC), Bitcoin cash (BCH), Monero (XMR) และ DASH โดยสามารถเพิ่มสกุลเงินที่จะใช้แลกเปลี่ยนในระบบได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการของตลาดได้
“ตู้ Crypto ATM สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล โดยไม่ต้องทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ แต่ใช้เงินสดซื้อและถอนออกเป็นเงินสดได้ทันที แค่มีบัญชีวอลเลตเงินดิจิทัลของผู้ให้บริการรายใดก็ได้ ก็สามารถทำธุรกรรมที่ตู้ได้ โดยในการใช้งานครั้งแรกต้องมีการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลด้วยระบบ KYC (know your customer) เพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้น ก็เลือกทำธุรกรรมได้ทันที เริ่มต้นการซื้อขายได้ตั้งแต่ 100 บาท”
สำหรับ Crypto ATM ถือเป็นตู้แรกในอาเซียนที่สามารถแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลกับเงินสกุลต่างประเทศได้หลากหลายในตู้เดียว เนื่องจากปกติจะออกแบบให้เป็นการใช้งานเฉพาะสกุลเงินที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอรับใบอนุญาตให้บริการจาก ก.ล.ต. หากได้รับใบอนุญาตแล้วจะเริ่มนำร่องติดตั้งตู้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเชียงใหม่ ก่อนขยายไปในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจลงทุนในเงินดิจิทัลที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี
“ผู้ที่สนใจจะลงทุนในเงินดิจิทัลต้องระมัดระวัง และขอให้ทำความเข้าใจด้านเทคนิคที่ซัพพอร์ตเงินดิจิทัลก่อน อย่าโฟกัสแค่ว่าจะเข้ามาหากำไร ขอให้ค่อย ๆ ศึกษาเพราะตลาดมีไซเคิลของมันอยู่แล้ว อย่างตอนนี้ก็เป็นช่วงที่ตลาดกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากภาครัฐมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้น และเปิดกว้างในการทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น”
ขณะที่ข้อมูลจาก ก.ล.ต.ระบุว่า ล่าสุดมีผู้ประกอบการราว 30 รายที่ยื่นขอรับไลเซนส์สินทรัพย์ดิจิทัล
ที่มา : https://www.prachachat.net/ict/news-199997
Person read: 2252
06 August 2018