หน้าใหม่ร่วมวงชิงร้านสะดวกซัก “วีเจ อินเตอร์เนชั่นแนล” ผู้นำเข้าอุปกรณ์ทำอาหารแตกไลน์ธุรกิจดิสทริบิวเตอร์เครื่องซักผ้ารับดีมานด์ร้านสะดวกซักผุดทั่วประเทศ เน้นจุดขายวันสต็อปเซอร์วิสทั้งเครื่อง-โนว์ฮาว พร้อมซุ่มพัฒนาแฟรนไชส์ “คิเรอิ ลอนโดรแมท คาเฟ่” ชูมุมเบเกอรี่สร้างแตกต่าง-ดึงดูดลูกค้า
นายไมค์ ฮอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเจ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารเชนร้านสะดวกซัก “คิเรอิ ลอนโดรแมท คาเฟ่” (Kirei Laundromat Cafe) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เดิมบริษัทมีธุรกิจหลักเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ครัวให้ภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม ร้านเบเกอรี่ แคเทอริ่ง และได้ตัดสินใจเปิดธุรกิจใหม่ด้านร้านสะดวกซักและตัวแทนจำหน่ายเครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ เนื่องจากผู้ประกอบการร้านสะดวกซักทั้งไทยและต่างชาติเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
โดยจะเน้นสร้างการรับรู้-ความเข้าใจกับผู้บริโภคถึงจุดเด่นของบริการนี้ด้วยการขยายสาขาใน กทม.และจังหวัดหัวเมือง พร้อมระดมสื่อสารผ่านออนไลน์ชูจุดขายด้านความเร็วและความสะดวกที่มากกว่าการซักด้วยตนเอง หรือใช้บริการร้านซักรีด ส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจุบันไทยมีร้านสะดวกซักประมาณ 120 แห่ง เพิ่มจากประมาณ 70 แห่งในปีที่แล้ว และคาดว่าสิ้นปีจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 200 แห่ง โดยมีผู้ประกอบการรายหลัก เช่น อ๊อตเทริ, คลีโปรเอ๊กซ์เพรส รวมถึงผู้เล่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวอีกอย่างน้อย 2 ราย
“เชื่อว่าความนิยมร้านสะดวกซักของไทยจะเติบโตรวดเร็วเช่นเดียวกับ มาเลเซีย เริ่มมีธุรกิจนี้เมื่อปี 2555 ปัจจุบันมีร้านสะดวกซักกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ”
ทั้งนี้ จะโฟกัสที่การขายเครื่องซักผ้าพร้อมโซลูชั่นธุรกิจร้านสะดวกซักให้นักลงทุนนำไปเปิดร้านสะดวกซักของตนเอง ชูจุดขายวันสต็อปเซอร์วิส ตั้งแต่ตัวเครื่องซัก-อบผ้าพร้อมบริการติดตั้ง แนวทางการตกแต่ง-บริหารร้านไปจนถึงบริการหลังการขายและการรับประกันตัวเครื่องนาน 3 ปี มีบริการตรวจเช็กเครื่องทุก ๆ 3 เดือน เป็นต้น และวางระดับราคาประมาณ 2-3 แสนบาทต่อเครื่อง ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 10 ราย ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด อาทิ พัทยา, พิษณุโลก, ปัตตานี และเชียงใหม่
นอกจากนี้ ในปี 2562 เตรียมตั้งศูนย์บริการหลังการขายในต่างจังหวัด เสริมกับวิธีตั้งตัวแทนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อรองรับดีมานด์และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ขณะเดียวกันเดินหน้าพัฒนาโมเดลแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก “คิเรอิ ลอนโดรแมท คาเฟ่” ซึ่งนอกจากความเร็วและความสะอาดแล้ว ยังเพิ่มจุดขายและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วย
มุมร้านเบเกอรี่-เครื่องดื่มภายในร้าน ซึ่งบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ รวมถึงอยู่ระหว่างพัฒนาระบบไอโอทีให้ลูกค้าแฟรนไชซีสามารถตรวจสอบการทำงานของเครื่องแบบเรียลไทม์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้เสริมให้กับแฟรนไชซี พร้อมระดมกลยุทธ์การตลาดเน้นสร้างการรับรู้ในวงกว้างแบบปากต่อปากทั้งด้วยราคาเริ่มต้น 30 บาท ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 10 บาท และซักฟรีช่วงเปิดร้าน-หยุดยาว การใช้สื่อออนไลน์-โซเชียลมีเดีย
โดยปัจจุบันลงทุนเปิดร้านต้นแบบแล้ว 3 สาขาในย่านรามคำแหง มี 2 ขนาด คือ เล็กและกลาง มูลค่าการลงทุน 1.5-3 ล้านบาท มีจำนวนเครื่องซัก-อบ รวม 9 และ 13 เครื่องตามลำดับ ส่วนไซซ์ใหญ่อยู่ระหว่างหาทำเล คาดว่าภายในสิ้นปีจะสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีกอย่างน้อย 3-4 สาขาในพื้นที่สุขุมวิท 101 และปุณณวิถี ก่อนจะเริ่มขายแฟรนไชส์ในปีหน้า
“ปัจจุบันตลาดสะดวกซักอยู่ในช่วงตั้งไข่มีฐานลูกค้าน้อย ระยะเวลาคืนทุนของโมเดลแฟรนไชส์ยังยาวเกินไปไม่ดึงดูดนักลงทุน จึงเน้นขายเครื่องและโซลูชั่นให้ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการเพราะเป็นแบบจ่ายครั้งเดียวจบ ต่างจากแฟรนไชส์ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง พร้อมใช้จังหวะนี้ปรับปรุงโมเดลแฟรนไซส์รอรับกระแสบูมที่คาดว่าจะเริ่มในปีหน้า”
ทั้งนี้มั่นใจว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้บริษัททำยอดขายเครื่องซัก-อบผ้าได้มากกว่า 50 ล้านบาท
ที่มา : https://www.prachachat.net/marketing/news-207435
Person read: 3650
22 August 2018