กระทรวงใหญ่เข้าคิวย้ายที่ทำการตามมหาดไทย รับแผนแม่บทอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ “คมนาคม” จองที่ดินรถไฟย่านบางซื่อสร้างอาคารใหม่ ก.ท่องเที่ยวฯเล็งเช่าพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 3 หมื่น ตร.ม. ด้าน กทม.ขานรับเตรียมปรับผังเมืองคุมเข้มการพัฒนา 5 บริเวณหลัก ทั้งชั้นใน-ชั้นนอกเกาะเมือง ห้ามผุดตึกสูง อาคารขนาดใหญ่ พร้อมคุมโทนสีอาคาร-หลังคา ปั้นถนนราชดำเนินกลางเป็นแลนด์มาร์กเทียบฌ็องเซลิเซ่
กระแสข่าวการโยกย้ายหน่วยงานราชการออกไปนอกเขตพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ถูกจับตามองในวงกว้าง เพราะนอกจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า จะยินยอมให้ใช้ประโยชน์ที่ดินราชพัสดุ 100 ไร่ บริเวณสนามกอล์ฟชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สำหรับใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ตามที่ได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์หรือไม่ ส่วนราชการทั้งระดับกรม กระทรวงอีกหลายหน่วยงานก็มีแผนจะย้ายอาคารที่ทำการซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น
ขณะที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็มีแผนจะจัดระเบียบอาคารและสิ่งปลูกสร้าง และการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อให้สอดรับกับแผนพัฒนา กทม.ระยะ 20 ปี ที่กำหนดวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2575ให้ กทม.เป็นมหานครแห่งเอเชีย เป็นเมืองชั้นนำด้านเศรษฐกิจภาคบริการ ปลอดภัย สะดวกสบาย สวยงาม น่าอยู่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีเอกลักษณ์เฉพาะ และเป็นไปตามแผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งขณะนี้แผนดังกล่าวอยู่ระหว่างเสนอให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
คุมเข้มรอบเกาะรัตนโกสินทร์
นายศักดิ์ชัย บุญมา ผู้อำนวยการสำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถานในพื้นที่รอบกรุงรัตน
โกสินทร์ และพระบรมมหาราชวัง รวมถึงรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน และสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่แนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่ชั้นในเกาะรัตนโกสินทร์
ล่าสุด สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรับปรุงแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ใหม่ฉบับปี 2560 โดยขยายขอบเขตพื้นที่ครอบคลุม 1.กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน 2.กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก 3.ฝั่งธนบุรี ตรงข้ามบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ 4.พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก ตั้งแต่แนวคลองรอบกรุงถึงแนวคลองผดุงกรุงเกษม และ 5.บริเวณพื้นที่ต่อเนื่องบริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์
ย้ายมหาดไทย-กทม.นำร่อง
หลังแผนแม่บทดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. หน่วยงานเกี่ยวข้องจะต้องนำผลศึกษาที่นำมาจัดทำเป็นแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ฉบับใหม่ แทนแผนแม่บทเดิมซึ่งจัดทำไว้ตั้งแต่ปี 2540 มาปฏิบัติ และดำเนินการตามกรอบที่กำหนดไว้ในแผนแม่บท เช่น ด้านการปรับปรุงภูมิทัศน์ ระบบการจราจร การใช้ประโยชน์ที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวและวิถีชุมชน
“เป็นการจัดระเบียบพื้นที่ชั้นในใหม่เพื่อไม่ให้มีความแออัด อาจจะมีหน่วยงานราชการบางส่วนที่ต้องย้ายออกไปอยู่บริเวณอื่น เพื่อลดความแออัด เช่น กระทรวงมหาดไทย และ กทม. ซึ่งในส่วนของ กทม.ขณะนี้กำลังทยอยย้ายหน่วยงานในสังกัดบางส่วนไปอยู่ตึกใหม่ ในศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง และในอนาคต ศาลาว่าการ กทม. 1 จะอนุรักษ์อาคารเดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์”
ปั้นแลนด์มาร์ก-คุมโทนสีอาคาร
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ในส่วนของถนนราชดำเนินและพื้นที่ในบริเวณที่ต่อเนื่องจะมีการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์ เนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญและเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ จะทำให้เป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม และโบราณสถานของประเทศไทย เหมือนกับถนนฌ็องเซลิเซ่ของประเทศฝรั่งเศส
การจัดทำแผนแม่บทอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ในเบื้องต้นมีแนวคิดจะให้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นในและชั้นนอกปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน เช่น ทาสีอาคารเป็นโทนเดียวกันทั้งหมด คือ สีเหลืองอ่อนและสีเทาอ่อน ส่วนสีหลังคาให้เป็นสีน้ำตาลแดงเหมือนกันทั้งหมด
โซนนิ่งที่ดิน-ห้ามอาคารใหญ่
ขณะที่ผังเมือง กทม.อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมการออกกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดสถาปัตยกรรมอาคารต่าง ๆ ให้เป็นสถาปัตยกรรมเดียวกัน เช่น สไตล์ยุโรป เนื่องจากพื้นที่ชั้นในมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่อยู่จำนวนมาก นอกจากจะคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองรวม กทม.ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์เป็นพื้นที่สีน้ำตาลอ่อน หรือเป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทย จะควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ให้มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่
คมนาคมเจรจารถไฟใช้ที่บางซื่อ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เพื่อให้สอดรับกับแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์ และแก้ไขปัญหาเรื่องความแออัดของสถานที่ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างเตรียมหาพื้นที่ย้ายที่ตั้งกระทรวงไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากสถานที่ตั้งกระทรวงปัจจุบันบริเวณถนนราชดำเนินแออัดมาก ไม่มีที่จอดรถ สำหรับที่ตั้งใหม่กำหนดขนาดพื้นที่ไว้ไม่น้อยกว่า 10 ไร่ ซึ่งมี 3 ทำเลที่ทางผู้บริหารกำลังพิจารณา ได้แก่ 1.ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ย่านพระราม 9 ที่อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มพาดผ่าน 2.ที่ดินของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) บริเวณทุ่งมหาเฆม แต่ยังติดปัญหาเรื่องการเข้า-ออกที่ลำบาก และ 3.ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บนถนนกำแพงเพชร 2 เยื้องกับปั๊มน้ำมัน ปตท. ซึ่งอยู่ในบริเวณย่านสถานีกลางบางซื่อ ที่ในปี 2563 จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) เปิดบริการ รวมถึงเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางด้านระบบราง และรัฐบาล
ยังมีแผนจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสมาร์ทซิตี้อีกด้วย
“ตอนนี้ที่เหมาะสมที่สุดคาดว่าจะเป็นย่านบางซื่อ เพราะการเดินทางสะดวก ขณะนี้กำลังเจรจากับการรถไฟฯขอเช่าที่ดินเพื่อก่อสร้าง ล่าสุดกระทรวงได้จ้างทางจุฬาฯออกแบบรายละเอียดอาคารแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
ท่องเที่ยวฯจองศูนย์ราชการ
ขณะที่นายสุพจน์ วงศ์พรหมท้าว โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนย้ายที่ทำการกระทรวงว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้แจ้งความประสงค์ขอใช้พื้นที่โซนซี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ สำหรับเป็นที่ทำการของกระทรวงการท่องเที่ยวฯซึ่งนอกจากส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ (ถ.ราชดำเนิน) แล้ว ยังมีส่วนของกรมการท่องเที่ยว ซึ่งสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมถึงกลมพลศึกษา (บางส่วน) ที่ปัจจุบันอยู่บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ (ถ.พระราม 1) มารวมอยู่ด้วยกันทั้งหมด
ทั้งนี้ ทางกระทรวงได้จัดทำแผนการใช้พื้นที่เบื้องต้นเสนอกรมธนารักษ์ไปเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นแจ้งขอใช้พื้นที่รวม 30,000 ตร.ม. คาดว่าแผนทั้งหมดน่าจะนำเสนอ ครม.อนุมัติได้ภายในปี 2562 และดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2565
“ด้วยภารกิจและความรับผิดชอบ รวมถึงบุคลากรที่มีอยู่ในปัจุบัน ทำให้พื้นที่ทำการของกระทรวงเริ่มคับแคบไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดเรื่องของการปรับปรุงเพิ่มเติม จึงต้องหาที่ทำการใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไปดูไว้หลายที่ แต่สุดท้ายคือ พื้นที่อาคารโซนซี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่กำลังเตรียมการก่อสร้าง” นายสุพจน์กล่าว
ททท.หนุนสร้างจุดขายใหม่
สอดคล้องกับที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า แผนปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ในโซนเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะมีบางกระทรวงต้องย้ายออกจากบริเวณที่ตั้งเดิม เหตุผลเป็นเรื่องของความคับแคบและแออัดเป็นหลัก ส่วนในมิติการท่องเที่ยวหากสามารถบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ได้ดี และสร้างแลนด์มาร์กขึ้นมาได้ เชื่อว่าจะทำให้พื้นที่บริเวณนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น เหมือนในหลาย ๆ ประเทศที่มีการทำถนนและปรับปรุงพื้นที่ให้คนเดินเที่ยวได้สะดวก โดยอาศัยความโดดเด่นของถนนและย่านต่าง ๆ ในบริเวณนี้ และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน เช่น ชุมชนรอบ ๆ ถนนราชดำเนิน ซึ่งมีความน่าสนใจทั้งวิถีชีวิตและอาหาร สามารถนำไปเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวได้ ที่สำคัญมองว่าแนวทางการปรับปรุงดังกล่าวนี้จะทำให้ทำเลเกาะรัตนโกสินทร์เป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น
รอไฟเขียวใช้ที่ดินกรมชล
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างรอการพิจารณาเรื่องการขอใช้ที่ดินสนามกอล์ฟชลประทาน 100 ไร่ จากกระทรวงเกษตรฯ หลังจากทำหนังสือขอใช้พื้นที่สนามกอล์ฟของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อนำมาใช้เป็นที่ตั้งของกระทรวงมหาดไทยไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอความชัดเจนจากกระทรวงเกษตรฯ ว่าจะตอบกลับมาเช่นใด จึงยังไม่ถึงขั้นตอนของการตั้งงบประมาณในเรื่องย้ายกระทรวง
ที่ีมา : https://www.prachachat.net/tourism/news-210247
จำนวนผู้อ่าน: 2543
27 สิงหาคม 2018