แฟ้มภาพ
นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ส่งรายละเอียดการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวสายหลักและส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่ง กทม.รับโอนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP net cost 30 ปี (2562-2602) วงเงิน 127,000 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการ PPP พิจารณา
“ถ้าอนุมัติแล้วจะตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพื่อดูแนวทางจะเปิดประมูลใหม่หรือเจรจาตรง BTSC เพราะต้องรวมการเดินรถ 23.5 กม. ซึ่งสัมปทานบีทีเอสจะหมดปี 2572”
การร่วมทุนต้องใช้เวลาเจรจากับเอกชน เช่น การเก็บค่าโดยสารทั้งโครงการ ที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ให้เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียวและเก็บอัตราสูงสุดไม่เกิน 65 บาท คาดปลายปีนี้จะแล้วเสร็จ แต่คงไม่ทันกับเป้าหมายที่ผู้ว่าฯ กทม.ให้เก็บค่าโดยสารใหม่ พร้อมเปิดใช้สายสีเขียวแบริ่ง-ปากน้ำ 16 เม.ย.นี้
“เปิด PPP เพราะ กทม.ไม่มีงบประมาณรับภาระค่าโครงสร้างและทรัพย์สินที่รับโอนจาก รฟม.กว่า 1.1 แสนล้านบาท ต้องให้เอกชนหาเงินชำระหนี้ให้ก่อน แล้ว กทม.คืนภายหลัง” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
ปัจจุบัน กทม.เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 รูปแบบคือ 1.บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) รับสัมปทาน 23.5 กม.หมอชิต-อ่อนนุช (สายสุขุมวิท) และสนามกีฬา-สะพานตากสิน (สายสีลม) ค่าโดยสาร 16-44 บาท อีก 10 ปีสัมปทานหมด และ 2. กรุงเทพธนาคม (เคที) จ้าง BTSC เดินรถส่วนต่อขยายสะพานตากสิน-บางหว้า, อ่อนนุช-แบริ่ง, แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เวลา 30 ปี หมดสัญญาปี 2585
ขึ้นค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 6 บาท
นายพานุรักษ์ กลั่นนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวว่า กทม.จะปรับโครงสร้างค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยายใหม่ ทั้งอ่อนนุช-แบริ่ง และวงเวียนใหญ่-บางหว้า จาก15 บาทตลอดสาย เป็นตามระยะทาง 15-21 บาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 6 บาท จะเริ่มเก็บวันที่ 16 เม.ย.นี้ พร้อมเปิดใช้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งผ่านคณะผู้บริหารแล้ว อยู่ระหว่างยกร่างประกาศ กทม. คาดเดือน มี.ค.จะประกาศได้
“กทม.เก็บค่าโดยสารตลอดสายมาตั้งแต่ปี 2556 โดยรับภาระแทนประชาชน ที่ต้องเก็บเพิ่มเพราะสายสุขุมวิทมีระยะทางเพิ่มอีก 13 กม.รวม 9 สถานี ที่ไปถึงปากน้ำ จึงต้องปรับโครงสร้างกันใหม่ ค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ กทม.ดำเนินการทั้งระบบเป็นแบบชั่วคราว เราต้องรอเอกชนรายใหม่ที่จะมารับสัมปทานทั้งโครงการ”
แหล่งข่าวจาก กทม.กล่าวว่า ค่าโดยสารใหม่ที่จะประกาศใช้วันที่ 16 เม.ย.นี้ถือเป็นโครงสร้างชั่วคราว ระหว่างรอเอกชนที่จะมารับสัมปทานเดินรถทั้งโครงการ ซึ่งต้องเก็บค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15-65 บาท หากยังไม่ได้เอกชน ผู้ใช้บริการบีทีเอสก็ต้องเสียค่าโดยสารตามที่กำหนด โดยเส้นทางสัมปทานบีทีเอสในปัจจุบันอยู่ที่ 16-44 บาท หากใช้ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง-สมุทรปราการ 15-21 บาท วงเวียนใหญ่-บางหว้า 15-21 บาท และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 15-21 บาท ถ้าได้เอกชนมาบริหารแล้วจะไม่เกิน 65 บาทตลอดสาย
“ส่วนจะเก็บสูงสุด 65 บาทในช่วงกี่สถานียังไม่ได้ข้อสรุป เพราะกลัวจะกระทบต่อผู้โดยสารที่ใช้ระยะทางสั้น ๆ แต่ผู้ที่นั่งยาวจะได้ประโยชน์ เมื่อเปิดส่วนต่อขยายครบ จะมีระยะทางรวม 68 กม. 59 สถานี คาดมีผู้โดยสาร 1.1 ล้านเที่ยวคน/วัน แยกเป็นสัมปทานบีทีเอส 23.5 กม. 23 สถานี ส่วนต่อขยายกทม.ลงทุนเอง 12.75 กม. 11 สถานี และส่วนต่อขยายรับโอน รฟม. 31.20 กม. 25 สถานี”
ส.ค.ถึงเซ็นทรัลลาดพร้าว
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พร้อมร่วมประมูลเดินรถสายสีเขียวทั้งโครงการ แต่เรื่องค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาท ต้องคุยละเอียด เช่น กทม.จะช่วยรับภาระอะไรบ้าง แต่กระบวนการ PPP ยังไม่เริ่ม ปัจจุบันบีทีเอสรับจ้าง กทม.เดินรถส่วนต่อขยายทั้งเก่าใหม่อยู่แล้ว
“หลังเปิดแบริ่ง-ปากน้ำ ส.ค.นี้ จะเปิดส่วนต่อขยายอีก 1 สถานีจากหมอชิต-เซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อช่วยแก้จราจรติดขัดห้าแยกลาดพร้าว แล้วปี 2563 จะเปิด 4 สถานีถึง ม.เกษตรศาสตร์ เปิดตลอดสายปี 2564”
อีกแห่งที่ก่อสร้างเพิ่มคือ สถานีศึกษาวิทยา (S4) ระหว่างสุรศักดิ์-ช่องนนทรี ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอนุมัติแล้ว จะสร้างในเดือน มี.ค.นี้ ใช้เวลาสร้าง 18 เดือน แล้วเสร็จปี 2563
หุ้น AIA ผุดสถานีใหม่
“บีทีเอสลงทุนคนละครึ่งกับเอไอเอ650 ล้านบาท เราใช้เงินกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท มาสร้าง ส่วนค่าโดยสารไม่ปรับเพิ่ม เพราะสถานีนี้กำหนดไว้แต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีความเหมาะสมที่จะสร้าง เพราะไม่คุ้มค่าจึงชะลอไปก่อน แต่ปัจจุบันสภาพพื้นที่เปลี่ยนไปมาก ที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานเกิดขึ้นมาก จึงกลับมาสร้าง เพื่อลดความแออัดของสถานีช่องนนทรี”
สถานีใหม่มีระยะห่างระหว่าง 2 สถานี 1.7 กม. บริเวณปากซอยสาทร 12 คาดจำนวนเที่ยวการเดินทางเพิ่มขึ้น 9,500-12,000 เที่ยวคนต่อวัน
อนาคตมีแผนลงทุนก่อสร้างสถานีเสนาร่วม ระหว่างสถานีอารีย์-สะพานควาย ระยะทางจาก 2 สถานี 2.3 กม. อยู่หน้าสถานีตำรวจบางซื่อและธนาคารออมสิน
ลุ้นสีน้ำเงินต่อขยายเปิด เม.ย.นี้
แหล่งข่าวจาก รฟม.เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาเปิดใช้สายสีน้ำเงินต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค ที่วิ่งลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเร็วขึ้นในเดือน ส.ค.นี้ หลังนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้นโยบายเร่งเปิด ทั้งนี้ต้องดูความพร้อม เนื่องจากรถขบวนใหม่ที่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) สั่งซื้อ 35 ขบวน จะมาถึงต้นเดือน เม.ย.นี้
“ถ้าระบบไฟฟ้าพร้อม แล้วใช้รถเก่าวิ่งก็เปิดเร็วขึ้นได้ หลังสงกรานต์ ส่วนเตาปูน-ท่าพระจะเปิด เม.ย. 2563 ค่าโดยสารเท่าเดิม 16-42 บาท แต่ช่วงทดลองอาจฟรี คาดมีผู้โดยสารกว่า 4 แสนเที่ยวคน/วัน จากปัจจุบันช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ มีผู้ใช้บริการ 3.1 แสนเที่ยวคน/วัน”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเปิดใช้สายสีเขียวส่วนต่อขยาย งานก่อสร้างจะเสร็จทั้งโครงการในเดือน เม.ย.นี้ ปัจจุบันบีทีเอสทยอยติดตั้งงานระบบแล้ว ซึ่ง กทม. บีทีเอสและ รฟม.จะร่วมเปิดให้บริการก่อน 1 สถานี เดือนส.ค.นี้ จากสถานีหมอชิต-เซ็นทรัลลาดพร้าว จากนั้นเดือน ธ.ค. 2563 เปิดอีก 4 สถานี คือพหลโยธิน 24 รัชโยธิน เสนานิคม และ ม.เกษตรศาสตร์ และเดือน ก.ค. 2564 จะเปิดครบถึงสถานีคูคต รวม 16 สถานี คาดมีผู้ใช้บริการ 250,000 เที่ยวคน/วัน ส่วนแบริ่ง-สมุทรปราการ คาดมีผู้โดยสาร 97,100 เที่ยวคน/วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/property/news-296773
Person read: 2381
05 March 2019