ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข 5 ทศวรรษ “ซีวิล” จากรับเหมาถนนสู่เมกะโปรเจ็กต์ วันที่ 16 March 2019 - 08:39 น. FacebookTwitterGoogle+LINE

สัมภาษณ์

จากรับเหมางานถนน “บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด” กลายเป็นม้านอกสายตาที่ปาดหน้าพี่เบิ้มของวงการ คว้างานมหากาพย์ที่คนทั้งประเทศจับตามองกับโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. เงินลงทุนกว่า 179,412 ล้านบาท

โดยเป็นผู้รับเหมาไทยรายแรกได้สัญญาการก่อสร้างงานโยธาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. กดราคาเหลือ 3,114.98 ล้านบาท จากราคากลาง 3,350.47 ล้านบาท

“เราภูมิใจอย่างมากที่ได้รับโอกาสในการก่อสร้างงานโยธาของโครงการนี้ ซึ่งพื้นที่ก่อสร้างอยู่ใกล้ไซต์มอเตอร์เวย์ที่บริษัทกำลังก่อสร้าง และจากประสบการณ์กว่า 50 ปีของบริษัทเคยผ่านงานก่อสร้างโครงการระดับใหญ่จนถึงภูมิภาค รวมกว่า 40,000 ล้านบาท จะสามารถบริหารต้นทุนและสร้างได้เสร็จตามสัญญา “นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข” กรรมการผู้จัดการของซีวิลฯ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ”

 

พร้อมกับไล่เรียงผลงานที่สร้างชื่อตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าโครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ทางแยกต่างระดับรัชวิภา มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช รันเวย์สนามบินระนอง ตรัง สุราษฎร์ธานี ร้อยเอ็ด เป็นต้น

สำหรับรถไฟไทย-จีนได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องจักร และสรรพกำลังอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว หากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เจ้าของโครงการส่งมอบพื้นที่ได้เมื่อไหร่ ก็พร้อมจะเริ่มก่อสร้างได้ทันที คาดว่าไม่เกินปลายเดือน เม.ย.นี้ก็เข้าพื้นที่ก่อสร้างได้แล้ว มีกำหนดระยะเวลาก่อสร้างที่ 540 วัน จะเริ่มนับเมื่อ ร.ฟ.ท.ส่งหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน

งานก่อสร้าง 11 กม. แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ งานโยธาเป็นระดับดิน 7 กม. และยกระดับ 4 กม. 2.ศูนย์ซ่อมบำรุงทาง 1 แห่ง และสุดท้ายเป็นงานระบบระบายน้ำ งานรื้อย้ายราง ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ โดยมีวัสดุพิเศษที่ต้องใช้ เช่น แผ่นรองใยสังเคราะห์แบบ geotextile ที่มีขีดความสามารถในการแยกส่วนดิน กรอง เสริมความแข็งแรง ป้องกันผิวดิน หรือช่วยระบายน้ำนั้น ได้หารือกรมทางหลวง (ทล.) บ้างแล้ว เพราะมีประสบการณ์ในการก่อสร้างช่วงแรกกลางดง-ปางอโศกมาก่อน อีกทั้งตัวผมเองก็เป็นลูกหม้อกรมทางหลวงมาก่อน มีอะไรก็เข้าไปขอความรู้ได้

“สิ่งที่เรากังวลจริง ๆ คือ เรื่องคุณภาพของงาน เพราะทางจีนก็ส่งที่ปรึกษามาดูแลตลอดโครงการ มองในแง่ดีก็เป็นโอกาสของประเทศ เพราะประเทศเรายังไม่เคยทำรถไฟความเร็วสูงมาก่อน ก็ต้องขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ด้วย เพราะช่วงแรก กทม.ไปโคราช ใช้แบบจีนทั้งหมด เพราะเรายังไม่เคย แต่ช่วงที่ 2 จากโคราชไปหนองคาย เราทำเองแล้ว ถือว่าทำให้ประเทศเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปด้วย” นายปิยะดิษฐ์ระบุ

ขณะที่อีก 12 สัญญาที่เหลือของโครงการ “ปิยะดิษฐ์” กล่าวแบบมั่นใจว่า พร้อมซื้อซองทุกสัญญา เพราะเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท แต่จะยื่นแข่งขันโครงการใดบ้าง ต้องประเมินก่อนว่ามีความพร้อมมากแค่ไหน และเนื้องานแต่ละสัญญาเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ จากที่คว้างานใหญ่ไว้ในมือหลายโครงการ ทำให้ผลประกอบการบริษัทในปี 2561 ที่ผ่านมา มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637 ล้านบาท จากปี 2560 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,373 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในปี 2561 อยู่ที่ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 225 ล้านบาท จากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 108 ล้านบาท

ปัจจุบันมีงานในมือที่รับรู้รายได้ (backlog) ประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งานของรัฐ 90% และงานผลิตชิ้นส่วน 10% เช่น โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่างานรวม 3,861 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร มูลค่างาน 2,100 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงกับปี 2561 ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 5-10% จากปี 2561 เพราะบริษัทไม่ต้องการรับงานที่เกินขนาดมากเกินไป เนื่องจากถ้าได้งานที่มีขนาดใหญ่เกินไป บริษัทก็ทำไม่ไหว ขอเติบโตแบบไม่หวือหวาดีกว่า ขณะเดียวกัน มีแผนในปี 2563 จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย เพื่อขยายฐานการลงทุนให้มากขึ้น

“ปิยะดิษฐ์” ทิ้งท้ายว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดรับเหมาก่อสร้างปี 2562 ยังคึกคักจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.รัฐบาลยังโหมลงทุนโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมที่ยังมีโครงการรอการอนุมัติอีกหลายโครงการ ครบทั้งบก-ราง-น้ำ-อากาศ และ 2.นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ในขณะนี้

ส่วนข้อเสนอแนะ อยากเห็นผู้ประกอบการในประเทศช่วยกันยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพราะเราไม่ได้แข่งกันเฉพาะในประเทศอีกต่อไป แต่เราต้องแข่งกับประเทศอื่น ๆ ที่ต่างก็ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศเราด้วย ซึ่งจะต้องมาพร้อมการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมของภาครัฐด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการภายในประเทศสามารถออกไปแข่งขันในประเทศอื่น ๆ ได้ด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มการเติบโตของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของประเทศไทยในทางหนึ่งด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/property/news-302343


Person read: 2869

16 March 2019