ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า “จากสถิติ พบว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมของประชากรบนโลกเปลี่ยนไป อันเป็นผลจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งโลก ตรงกันกับคนไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ต มากกว่า 80% แสดงชัดเจนว่าพฤติกรรมคนไทยใช้ชีวิตติดอินเตอร์เน็ต โดย 1 ใน 5 ของกิจกรรมยอดนิยมบนโลกออนไลน์ คือ การช้อปปิ้ง สอดคล้องกับสถานการณ์อีคอมเมิร์ชของทั้งโลก ได้มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมาได้มีการขยายตัวมากถึง 14% และคาดการณ์ว่าปี 2019 จะเติบโตขึ้น 20% จากสถิติที่กล่าวมา ทำให้เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ต้องการผสมผสานความแข็งแกร่งของออฟไลน์ เข้ากับกระแสการเติบโตของการค้าออนไลน์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นที่หนึ่งของออมนิชาแนลห้างสรรพสินค้าไทย โดยมีแกนหลักสำคัญ 3 ประการในการเชื่อมโยงการช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อ เริ่มจาก ตัวห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่ได้รับความเชื่อถือมายาวนานกว่า 70 ปี จนเมื่อห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้สร้างโซเชียลมีเดียบนแพลทฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายข่าวสารของห้างสรรพสินค้าให้ลูกค้ารับทราบ ทำให้มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มค้าปลีกหลายแพลทฟอร์ม อาทิ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ยูทูบ และทวิตเตอร์
และเมื่อลูกค้าให้การตอบรับจากช่องทางโซเชียลมีเดีย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจึงได้พัฒนา บริการ Central Chat & Shop ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผสานการช้อปปิ้งบนโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก่อให้เกิดประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ (Seamless shopping experience) สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 250 ล้านบาทในปี 2018 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 111% และคาดว่าในปี 2019 จะสร้างยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 100%
สำหรับเว็บไซต์ central.co.th คือแกนหลักสำคัญ ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 ถึงวันนี้ ได้ตัดสินใจพลิกโฉมใหม่ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการช้อปปิ้งที่เปลี่ยนไป โดยนำจุดเด่นของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ด้านแบรนด์สินค้าชั้นนำครบทุกหมวดสินค้า ทั้งเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก สินค้าแม่และเด็ก สปอร์ต และแก็ดเจ็ต เสมือนยกห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลมาไว้ในหน้าจอ ทั้งยังพิเศษกว่าด้วยการนำเอาแบรนด์สินค้า Exclusive ขายทางออนไลน์เฉพาะที่ central.co.th แห่งเดียวเท่านั้น อาทิ สินค้าแบรนด์หรูอย่าง Giorgio Armani (จิออร์จิโอ อาร์มานี), Nespresso (เนสเปสโซ) และ Delonghi (ดิลองกี้) รวมถึงสินค้า House Brand ระดับท็อป อย่าง Dorothy Perkins (โดโรธี เพอร์กินส์), Marks & Spencer (มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์), Minimono (มินิโมโนะ) และ Sanrio (ซานริโอ) เป็นต้น”
ด้าน สเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายออนไลน์ และออมนิ-แชนแนล
ซีอาร์เอ็ม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด (Stephane Jubert, Senior Vice President, Online & Omni-channel CRM Director Central Department Stores) เปิดเผยว่า “จากผลวิจัยการสำรวจความรู้สึกของผู้บริโภครุ่นใหม่ (Customer Feeling) ที่มีต่อการช้อปปิ้ง พบว่า คนรุ่นใหม่ มักมองหาสิ่งที่ชื่นชอบ อยากซื้อแบรนด์ที่ชื่นชม ไม่อดทนที่จะต้องรอสินค้านานๆ และมักมีความรู้สึกกังวลทุกครั้งที่สั่งสินค้าทางออนไลน์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเข้าใจถึงความรู้สึก และความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ จึงได้นำมาเป็นโจทย์ในการปรับโฉม central.co.th ให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้า ที่นิยมการช้อปปิ้งออนไลน์ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 250 ล้านบาท”
“เว็บไซต์ central.co.th โฉมใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘MY CENTRAL IS NOW’ ที่สะท้อนตัวตนของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในฐานะแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยมายาวนาน และคำว่า Now ที่มาช่วยเน้นย้ำความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวก สามารถซื้อของได้ทุกที่ทุกเวลา มีความรวดเร็ว และทันสมัย
จากการปรับโฉม และระบบใหม่ครั้งนี้ เว็บไซต์ central.co.th จะสามารถเสริมความแข็งแรงให้ภาพรวมของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยใช้ฐานลูกค้าจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเพื่อออกโปรโมชั่นที่ตรงใจ ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 2019 จะมียอดจำหน่าย 1,500 ล้านบาท หรือขยายตัว 150% จากปีก่อน ทั้งนี้ภายในปี 2023 ออนไลน์จะเติบโตและสามารถสร้างยอดขายได้เป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/marketing/news-310355
Person read: 2538
03 April 2019