“เคาน์เตอร์ทัวร์” ใต้ปิดตัวระนาว “มาเลย์-สิงคโปร์” แห่จองผ่านเว็บ OTA

ดิจิทัลดิสรัปชั่นทำพิษธุรกิจ SMEs “ทัวร์ตั้งโต๊ะ” หาดใหญ่ใกล้อวสาน ลูกค้ามาเลย์-สิงคโปร์ทยอยเลิกใช้บริการ หันจองห้องพักออนไลน์ผ่านเว็บต่างชาติ ค่าบริการถูกกว่า แถมเจอมรสุมเศรษฐกิจมาเลเซียซบเซา เจ้าหน้ารัฐไทย-มาเลย์ออกมาตรการตรวจเข้มธุรกิจสีเทาด่านพรมแดน ทำเม็ดเงินนอกระบบชะงัก กระทบธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบ คาด 5 ปีทัวร์รายย่อยยุติกิจการ

นายสุรินทร์ นกแก้ว เจ้าของสุรินทร์ทัวร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการทัวร์รายเล็กรายย่อยใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลายรายมีผลประกอบการขาดทุน และได้ทยอยปิดกิจการลง รวมถึงกิจการของสุรินทร์ทัวร์เอง ได้ยกเลิกประกอบกิจการไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่เคยใช้บริการ 70-80% ได้เปลี่ยนแปลงการใช้บริการเหลือเพียง 20% โดยหันไปใช้บริการจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ของบริษัทผู้ให้บริการสำรองห้องพักทางออนไลน์ของบริษัทต่างประเทศ (OTA) และจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้บริการทัวร์ไทย

“ปัจจุบันการเดินทางมาท่องเที่ยวของลูกค้าต่างชาติเปลี่ยนแปลงไป ลูกค้านิยมหันไปใช้บริการสั่งจองผ่านเว็บไซต์ของบริษัทต่างประเทศ และบางครั้งนักท่องเที่ยว โทร.ตรงเพื่อสั่งจองเองจะได้ราคาถูกกว่าการจองผ่านบริษัททัวร์ ประมาณ 20-30% อีกทั้งเว็บไซต์ของบริษัทต่างประเทศยังมีอำนาจต่อรอง สั่งจองตามจำนวนที่ต้องการได้ นอกจากนี้ มาตรการของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งการนำเที่ยว เรื่องรถบริการผิดประเภท เรื่องการประกันการท่องเที่ยว ถือเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการเลิกกิจการไป”

นายสุรินทร์กล่าวต่อไปว่า สำหรับกิจการทัวร์ที่อยู่ได้เป็นบริษัททัวร์ระดับมาตรฐาน มีการให้บริการครบวงจรทั้งจัดนำเที่ยวตลาดในประเทศ และธุรกิจจัดนำเที่ยวไปต่างประเทศ โดยมีรถบัสขนาดใหญ่ของตัวเองให้บริการ ทั้งนี้ คาดว่ากิจการทัวร์ขนาดเล็กขนาดย่อยในช่วง 4-5 ปีนี้ คงทยอยปิดตัวหมด

“ตอนนี้นอกจากกิจการทัวร์ขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบแล้ว ผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทั้งยอดขายห้องพัก ยอดบริการนักท่องเที่ยว รวมถึงคนที่ทำอาชีพมัคคุเทศก์ก็มีผู้มาใช้บริการน้อยลงตามลำดับ”

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจทัวร์เปิดเผยว่า ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการธุรกิจทัวร์รายเล็กรายย่อยใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เติบโตขึ้นเร็วมาก ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย โดยลักษณะการให้บริการของบริษัทเหล่านี้จะใช้การเช่าพื้นที่ขนาดเล็กตั้งโต๊ะเปิดรับบริการลูกค้าทั้งขายเป็นแพ็กเกจมีห้องพัก และรถทัวร์พาเที่ยว โดยไม่มีรถบัสเป็นของตัวเอง เมื่อได้ลูกค้าครบตามจำนวนที่ต้องการจะใช้วิธีการไปเช่ารถบัสมาให้บริการนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์เข้ามา แต่เมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงจากดิจิทัลดิสรัปชั่น (digital disruption) ที่มีเว็บไซต์ให้บริการสำรองห้องพักทางออนไลน์ เช่น อโกด้า (Agoda) และ Booking.com เป็นต้น มาเปิดให้บริการ และเศรษฐกิจกำลังซื้อของคนมาเลเซียที่ซบเซา ส่งผลกระทบทำให้บริษัททัวร์ขนาดเล็กเหล่านี้ต้องทยอยปิดกิจการลง

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการไทยในมาเลเซียเปิดเผยว่า สาเหตุที่ชาวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยลดลง เพราะกำลังซื้อของคนมาเลเซียซบเซาจากหลายปัจจัย ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาล ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด เช่น นโยบายป้องกันปราบปรามคอร์รัปชั่นและสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงมีการปราบปรามการค้าสินค้าหนีภาษีอย่างหนักตามแนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งสุรา บุหรี่ และการซื้อขายน้ำมันเถื่อน ส่งผลให้ธุรกิจนอกระบบที่สร้างเม็ดเงินจำนวนมากหดตัวลง ส่งผลต่อกำลังซื้อ รายได้ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซียซบเซา

“ปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียเองมีหนี้สินสาธารณะมาก ประชาชนรอดูท่าทีระหว่างการเปลี่ยนผ่าน จาก ดร.มหาธีร์ มาเป็น นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี จะมีทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาเลเซียไปทิศทางใด”

ทางด้านผู้ประกอบการร้านอาหาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากภาวะธุรกิจสีเทาถูกปราบปรามจับกุมอย่างหนัก ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน

อนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนลดลงจากปีก่อนถึง 10% ตามที่นักท่องเที่ยวจีนได้ลดลงต่อเนื่อง โดยยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นใจในการท่องเที่ยวทางทะเลภาคใต้ พร้อมกับเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนนักท่องเที่ยวมาเลเซียนั้นขยายตัวชะลอลงเช่นกัน หลังจากที่ขยายตัวสูงมากในช่วงก่อนหน้า

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/local-economy/news-324952


จำนวนผู้อ่าน: 2129

10 พฤษภาคม 2019