การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

การเมืองปี 2563 ร้อนแรง-เข้มข้น เสียดทานเสถียรภาพของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ภายหลังผ่านจุดปริ่มน้ำ-ลอยลำ 264 เสียง แต่ยังต้องเผชิญหน้าสภาวะศึกใน-ศึกนอกพรรคร่วมรัฐบาล

ศึกในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดจากการจัดสรร-ปันส่วนไม่ลงตัว เขย่า 6 มุ้งใหญ่ กระเพื่อม 10 ก๊กย่อย ขย่มเก้าอี้หัวหน้า-เลขาธิการพรรค สะเทือนเก้าอี้รัฐมนตรี

การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

การเมืองร้อนปีหนูดุ

เมื่อ “ทีมสมคิด-สี่กุมาร” ผนึก “สามมิตร” เปิดแนวรบ “มุ้งบิ๊กป้อม” รอวันเปิดศึกครั้งใหม่ สะท้านสะเทือนถึงตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ศึกในพรรคร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ยังเป็น “พรรคขั้วตัวแปร” ซุ่มสั่งสม ตุนคะแนนเสียง-จำนวนมือ (งูเห่า) ตั้งป้อม ต่อรอง-พิทักษ์โควตา

ยังมี 10 เสียง “พรรคจิ๋ว” ที่สร้างเกมปั่นราคา ตีรวน ผสมโรง “งูเห่า” นอกรัฐบาล ต่อรองทุกวาระ

สารพัดสนิมเนื้อในกัดกร่อนรัฐบาล 18 พรรค 264 เสียง ที่อาจพลิกผันเป็นทั้งฝ่ายชนะและพ่ายแพ้ได้ชั่วข้ามคืน

การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

สับเปลี่ยนกำลัง 4 เหล่าทัพ

ในราวไตรมาสแรกของปี 2563 ก่อนขึ้นไตรมาสที่สอง รัฐบาลจะขับเคี่ยวกับเกมอภิปราย-วาระงบประมาณ 2563

รัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ จาก 3 พรรค อยู่ในเป้าหมายของฝ่ายค้าน รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง-และเนติบริกรรุ่นใหญ่

หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามด้วยการปรับคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1เชื่อมต่อกับการหมดวาระของเหล่าผู้บริหารรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่

ในช่วงเดือนเมษายน 2563 จึงมีการเตรียมการสับเปลี่ยนกำลังใหม่อีกครั้งทั้งสนามใหญ่และสนามเล็กที่เสาชิงช้ากรุงเทพมหานคร ที่เป็นการปะทะกันระหว่างทีม “รัฐบาลพลังประชารัฐ” วางเดิมพันสูง หวังชนะเด็ดขาด-ไร้รอยต่อเป็นเนื้อเดียวกับศูนย์รวมอำนาจ

ทั้งโครงสร้างอำนาจหลัก ที่ค้ำยันรัฐบาลบิ๊กทหาร-บิ๊กตำรวจ และบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ถูกนำรายชื่อเข้าลิสต์ใหม่ เตรียมแต่งตั้ง-โยกย้ายนอกฤดูกาล เชื่อมต่อกับข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ที่เข้าสู่โหมดเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 อีกนับ 10 ตำแหน่ง

ในส่วนกำลังหลัก-กองกำลังรบ เคียงบ่าเคียงไหล่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-3 ป. ตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมปลดระวาง-จัดแถวใหม่ ครบทุกตำแหน่งในผู้บริหารเหล่าทัพบก-เรือ-อากาศ และตำรวจ

ทั้ง 4 ตำแหน่งใหญ่เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 ดังนี้

1.”บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงจากตำแหน่งโดยมี “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นแคนดิเดต

2.”บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ครบวาระ มี “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นแคนดิเดต

3.”บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)

4.”บิ๊กนัต” พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)

โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ ผู้เป็น”ดาวฤกษ์” มีแสงในตัวเอง ถูกจับจ้องเป็น “ทายาท” พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ และ “วิธีพิเศษ”

เป็น “ดุลอำนาจที่ 4” ค้ำยัน “รัฐบาลพิเศษ”

การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

ขณะที่ “ระเบิดเวลา” การเมืองฝ่ายนิติบัญญัติ ยังผูกติดกับเกมแก้รัฐธรรมนูญตลอดทั้งปี 2563 แม้เป็นเพียงระดับคณะกรรมาธิการขั้นศึกษาแต่ธงของฝ่ายรัฐบาลปักหลักแก้เฉพาะ “รายมาตรา” เท่านั้น ! สวนทางฝ่ายค้านที่ต้องการรื้อทั้งฉบับ จึงวัดกันที่ชอตด่านสุดท้ายคือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่เป็นลูกคู่ฝ่ายบริหาร-รัฐบาล ที่กระโดดขวางการรื้อทั้งฉบับตั้งแต่ไก่โห่

คดียุบพรรคอนาคตใหม่

อีกด้าน สถานการณ์ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่เปิดศักราช 2563 โฟกัสสำคัญอยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คืออนาคตของพรรคอนาคตใหม่ จากที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ได้ 81 เสียงจากการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 แต่กำลังกลายเป็นดาวร่วงต้องเผชิญหน้ากับ 2 คดียุบพรรค

กรณีแรก คำร้องของ “ณฐพร โตประยูร” ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ หัวหน้าพรรค-เลขาพรรค และกรรมการบริหารพรรคใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ที่เรียกว่าคดีอะลูมินาติ โดยนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอังคารที่ 21 ม.ค. 63 โดยไม่มีการไต่สวน

กรณีที่สอง คำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ที่ “ธนาธร” ให้พรรคกู้เงิน ซึ่งมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญให้พรรคอนาคตใหม่ส่งคำชี้แจงภาย 15 วัน จะครบกำหนดวันที่ 9 ม.ค. 2563

ชะตากรรมอนาคตใหม่ อาจวัดดวงกันในวันที่ 21 ม.ค. 2563 หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ยุบพรรค” กรณีล้มล้างการปกครอง เท่ากับว่า คดีเงินกู้อาจไม่ต้องพิจารณาอีก เพราะพรรคมีพรรคเดียว ยุบแล้วยุบเลย

“ธนาธร” หัวหน้าพรรค กล่าวว่า “ยุบพรรคยุบได้ แต่จะยุบอุดมการณ์ หรือยุบความตั้งใจแน่วแน่อย่างนี้ไม่ได้ ยุบก็สร้างใหม่ ยุบก็สู้ต่อ ซึ่งหากโดนยุบพรรคเราก็ยังมี ส.ส.ในสภาอยู่ ยุบพรรคไม่ได้หมายความว่า ส.ส.ของเราจะหายไป”

อนาคตใหม่ อาจย้ายไปอยู่พรรคใหม่ที่เตรียมไว้ และอีกขาหนึ่งจะลงถนน เปิดเกมนอกสภาอันดุเดือด

ยังมีอีก 2 คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2563 ที่อาจกลายเป็นจุดพลิกผัน คือ “ถือหุ้นสื่อ” ของ 64 ส.ส.ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาฝ่ายละ 32 คน เนื่องจากถือหุ้นในบริษัทที่อาจเข้าข่ายประกอบกิจการสื่อ ทั้ง 2 คดี 2 ฝ่าย มีสุ่มเสี่ยงที่จะ ส.ส.หายไปหลายคน

การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

(Photo by Lauren DeCicca/Getty Images)

ฝ่ายค้านระส่ำ-เสียงต่ำกว่าครึ่ง

เกมในสภาก็ดุเดือดเข้มข้น แม้ว่าฝ่ายค้าน 7 พรรค จะถูกกร่อนกำลังทั้งจากเกม “งูเห่า” เกม “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ และเกม “เลือกตั้งซ่อม”

จากเดิมฝ่ายค้านมีเสียงในสภา 244 เสียง แต่ตอนนี้ฝ่ายค้านเหลือเสียง “อย่างเป็นทางการ” แค่ 239 เสียง หลังเสีย 4 ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ไปอยู่ขั้วรัฐบาลจาก “พิษงูเห่า” จนต้องขับ ส.ส.4 รายออกจากพรรค และเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น เขต 7 ที่พรรคเพื่อไทย เสียที่มั่นสำคัญให้กับพลังประชารัฐ

และหากนับ 4 เสียง “ไม่เป็นทางการ” ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ขอ “โหวตตามใจฉัน” ไม่แคร์มติพรรคฝ่ายค้าน

ดังนั้น จำนวนมือในสภาของฝ่ายค้าน ทั้ง “ทางการ” และ “ไม่ทางการ” จะเพียงแค่ 235 เสียงเท่านั้น จากสถานการณ์นี้ผกผันให้ฝ่ายรัฐบาลจะมีเสียงในสภาโดดขึ้นจาก 255 เสียง ทะลุไป 264 เสียง กลายเป็น “รัฐบาลเหนือน้ำ” ทันที

การเมืองร้อนปีหนูดุ จัดแถว 10 ปลัด-โยกบิ๊กรัฐวิสาหกิจ 4 เหล่าทัพสับเปลี่ยนกำลัง

ภารกิจจานร้อนที่สุด

264 เสียงรัฐบาล เปิดหน้าสู้กับ 235 เสียง ต่างกัน 29 เสียง ต้องสู้ศึกใน 2 ศึกสำคัญ ศึกแรก การอนุมัติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งจะเข้าสู่การลงมติวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 8-10 ม.ค. 2563

จากนั้นอีก 3 วัน 7 พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 13 ม.ค. 2563 เพื่อไทย ดัน “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ในฐานะประธานกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย เตรียมข้อมูลซักฟอกรัฐบาล 4 ชื่อที่เปิดเผยคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกฯ หัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 2.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ 4.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ

ยังมีอีก 2 ชื่อที่ยังไม่เปิดเผย คาดการณ์ว่า จะเป็นผู้มีบารมี 2 ป.ในรัฐบาล “ป้อม-ป๊อก” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

การเมืองปี 2563 จึงดุ-เด็ด-เผ็ด-ร้อน ตั้งแต่สนามเล็ก-สนามใหญ่ ระดับชาติ ทั้งในทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา และท้องถนน

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/politics/news-406954


จำนวนผู้อ่าน: 2198

03 มกราคม 2020