ก.ล.ต.เอาจริง! งัด “เอไอ” วิเคราะห์ปั่นหุ้น

ก.ล.ต.เผยแนวคิดใช้ “เอไอ” วิเคราะห์ปั่นหุ้น เตรียมชงเรื่องเข้าบอร์ด ก.ล.ต. 5 มี.ค.นี้ พร้อมประกาศแผน 3 ปี มุ่งปั้นตลาดทุนยั่งยืน-ขยายฐานนักลงทุน-เปิดทางรายย่อยระดมทุน เล็งแก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ หนุนการทำธุรกิจยุคดิจิทัล

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. มีแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2563-2565) โดยจะให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน เบื้องต้น จะมีการนำ AI (artificial intelligence) เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และป้องกันความเสี่ยงของระบบ โดยในวันที่ 5 มี.ค.63 นี้ จะมีการประชุมบอร์ด ก.ล.ต. และจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะทำให้ตลาดทุนไทยเกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน ซึ่งระยะต่อไปอาจมีการเสนอแก้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์ และมีกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจในยุคดิจิทัลมากขึ้นด้วย

ก.ล.ต.เอาจริง! งัด “เอไอ” วิเคราะห์ปั่นหุ้น

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยจะสร้างให้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) มากขึ้น และจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนมากขึ้น โดยมุ่งให้ประชาชนมีการออมและการลงทุนระยะยาวเพื่อรองรับการเกษียณอายุ เนื่องจากต่อไปไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย

ทั้งนี้ จะสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุดท้ายนี้ จะสร้างกลไกและกติกาที่เป็นธรรมให้กับผู้ลงทุน โดยจะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับการประกอบธุรกิจและมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุน เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ

นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ตั้งเป้าหมายที่ต้องบรรลุภายในปี 2565 โดยจะต้องมี Ecosystem ที่เอื้อให้มีบริษัทที่ได้คะแนน ESG ดี จำนวนมูลค่า ESG product เพิ่มขึ้น 20% และมีจำนวนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund (PVD) เพิ่มขึ้น 8% ขณะเดียวกันตั้งเป้าหมายผู้ลงทุนในกองทุนรวม เพิ่มขึ้น 15% พร้อมกันนี้ จะทำให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ สามารถเข้าถึงการระดมทุนในตลาดทุน และจะทำให้ regulatory guillotine สามารถลดระยะเวลากระบวนการต้นทุนที่ไม่จำเป็นได้จริง รวมทั้งจะลดระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการ enforcement case อย่างน้อย 5%

ด้านนายศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า สำหรับการนำ AI เข้ามาวิเคราะห์และตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสมนั้น เบื้องต้น ก.ล.ต.ได้มีการทดลองใช้ระบบแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูลต่างๆ เบื้องต้น ก.ล.ต.จะใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาดหุ้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนำมาพิสูนจ์ข้อเท็จจริง และดำเนินคดีสำหรับคนปั่นหุ้นต่อไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/finance/news-425062


Person read: 1999

26 February 2020