จากกรณีที่มีพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บไบค์ (ให้บริการด้วยรถจักรยานยนต์) ในเขตกรุงเทพฯ รวมตัวกัน ณ อาคารธนภูมิถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย โดยขอเข้าพบผู้บริหารเพื่อยื่นข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับงาน เมื่อ 10 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา
ล่าสุด (17 สิงหาคม 2563) แกร็บ ประเทศไทย ได้ออกจดหมายชี้แจงพาร์ทเนอร์คนขับถึงประเด็นต่างๆ โดยระบุว่า บริษัทให้ความสำคัญกับประเด็น “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” ในการให้บริการ ทั้งต่อผู้ใช้บริการและพาร์ทเนอร์คนขับ
และว่ากฎระเบียบบางข้ออาจไม่เป็นที่พอใจของพาร์ทเนอร์คนขับบางกลุ่ม บริษัทรับทราบและเข้าใจถึงประเด็นปัญหา หรือข้อจำกัดบางประการที่เกิดขึ้นจึงพิจารณาทบทวน และปรับเปลี่ยนข้อกำหนด หรือหลักปฎิบัติบางประการ โดยยังยึดถือความปลอดภัย และคุณภาพเป็นสำคัญ ดังนี้
ประเด็นการแบ่งพื้นที่และการรับงานของพาร์ทเนอร์คนขับในกรุงเทพฯ และปริมณฑล “แกร็บ” ยกเลิกการแบ่งเขตพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี โดยรวมทั้ง 3 จังหวัดให้อยู่ในพื้นที่เดียวกันเหมือนเดิม และจะไม่แบ่งเขตอีกหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาในเชิงเทคนิคได้
ขณะเดียวกันได้ปรับปรุงระบบเพื่อให้พาร์ทเนอร์คนขับในกรุงเทพฯ ที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่รอยต่อกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น นครปฐม และพัทยา เลือกเปิด-ปิดการรับงานหรือเลือกประเภทการให้บริการได้ คาดว่าจะเสร็จใน ส.ค.นี้
ส่วนการปรับรูปแบบการจัดส่งพัสดุผ่านบริการ “แกร็บ เอ็กซ์เพรส” (GrabExpress) ได้ปรับรูปแบบบริการ โดยเสนอ 2 ทางเลือกให้ผู้ใช้ คือ 1.จัดส่งพัสดุแบบต้องการกระเป๋า และ 2.จัดส่งพัสดุแบบไม่ต้องการกระเป๋า เริ่มให้บริการ 24 ส.ค.เป็นต้นไป
โดยแกร็บ ชี้แจงสาเหตุที่กำหนดให้พาร์ทเนอร์คนขับต้องมีกระเป๋า ก็เพื่อบรรจุและจัดเก็บพัสดุให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า และส่งเสริมความปลอดภัยระหว่างการขับรถ
ประเด็นด้านความคุ้มครองระหว่างการรับงานนั้น แกร็บยืนยันว่าให้สิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุสูงที่สุดและครอบคลุมจำนวนคนขับมากที่สุด เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันอื่น โดยคุ้มครองพาร์ทเนอร์คนขับทุกคน ไม่มีการจำกัดระดับด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และสูงสุด 200,000 บาทเมื่อเสียชีวิต
สำหรับประเด็นด้านระบบรับงานจัดส่งอาหารแบบจัดส่งหลายจุด หรือ “งานแบช” นั้นที่ผ่านมาได้พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเวลาที่มีจำนวนผู้สั่งอาหารมากกว่าจำนวนคนขับ โดยเปิดให้พาร์ทเนอร์คนขับส่งอาหารได้หลายงานในเส้นทางเดียวกัน แต่จากข้อกังวลที่เกิดขึ้น แกร็บได้ริเริ่มโครงการประสานงานให้ร้านอาหารเริ่มเตรียมอาหารก่อนที่พาร์ทเนอร์คนขับจะเดินทางไปถึง เพื่อย่นระยะเวลาในการรอ และจัดส่งไปถึงมือลูกค้า
“แกร็บ” ยังชี้แจงเกี่ยวกับการระงับสัญญาณการให้บริการ (หรือการแบน) และศูนย์บริการลูกค้าด้วยว่าเป็นนโยบายด้านคุณภาพและความปลอดภัย จึงต้องมีการแบนพาร์ทเนอร์คนขับหากได้รับข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม หรือกระทำผิดหลักปฏิบัติ และจรรยาบรรณ ซึ่งพาร์ทเนอร์คนขับยื่นอุทธรณ์ได้ตลอดเวลา โดยบริษัทจะเร่งขั้นตอนการตรวจสอบให้เร็วขึ้น ส่วนศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ได้จัดให้มีช่องทางติดต่อนอกเวลาทำการ เช่น สายด่วน (02-0212530) กรณีฉุกเฉิน หรือมีอุบัติเหตุ หรือผ่าน “ศูนย์ช่วยเหลือ” ในแอปพลิเคชันคนขับ
นอกจาก 5 ประเด็นข้างต้น ยังวางแผนปรับปรุงการติดต่อสื่อสารกับพาร์ทเนอร์คนขับ อาทิ การใช้กลุ่ม Facebook และการจัดประชุมเพื่อพบปะพูดคุยกับกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างความเข้าใจ รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/ict/news-507689
จำนวนผู้อ่าน: 1995
19 สิงหาคม 2020