สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
คลังเคาะระฆังลงทุน “ซีเนียร์คอมเพล็กซ์-บ้านข้าราชการ” เฟสแรกกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมสแกนที่ราชพัสดุทั่วประเทศเตรียมขยายโครงการ ดึง 3 แบงก์รัฐร่วมสนับสนุนสินเชื่อ “ธอส.” ยันปล่อยกู้ทั้ง “ผู้ซื้อ-ดีเวลอปเปอร์”ชูรายย่อยผ่อนต่ำ 3 ปีแรกแค่ 4.4 พันบาทต่อเดือน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.12% ต่อปี
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ (ซีเนียร์คอมเพล็กซ์) และบ้านพักข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการขึ้นที่ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ บนที่ราชพัสดุเนื้อที่ 20 ไร่ ซึ่งจะสร้างจำนวน 900 ยูนิต (ห้อง) ยูนิตละ 2 ล้านบาท เพื่อให้สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าพักอาศัย พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสังคมสูงวัย
เริ่มเปิดจองวันที่ 8 พ.ย.นี้ ผ่านเว็บไซต์กรมธนารักษ์ และในพื้นที่โครงการ ทั้งนี้ จะเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 2564 เข้าอยู่อาศัยได้ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566
ที่เหลือเป็นโครงการพัฒนาบ้านพักราชการและลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐอีก 4 โครงการ โดย 2 โครงการแรกอยู่ต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการบ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์บนที่ราชพัสดุ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 31 ไร่ โดยสร้างเป็นบ้านเดี่ยว 80 หลัง ราคา 2 ล้านบาท และโครงการบ้านสวัสดิการในพื้นที่ จ.ชลบุรี บนที่ราชพัสดุ ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อที่ 46 ไร่ ซึ่งได้เปิดให้จองแล้ว
ส่วนอีก 2 โครงการ เป็นการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งธนารักษ์ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สร้างอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ทำเลทอง ใจกลางกรุงเทพฯ 2 แห่ง คือ ย่านใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีบางจาก และย่านใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรี แห่งละ 78 ห้อง ราคาห้องละ 999,999 บาท ซึ่งจะเริ่มเปิดจองในวันที่ 1 ก.ย.นี้
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศ เพื่อนำมาจัดทำโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุเฟสต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เบื้องต้นได้สำรวจพื้นที่ในจังหวัดใหญ่ ๆ ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย และสงขลา เพื่อดำเนินการก่อสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งรูปแบบการก่อสร้างจะมีขนาดเล็กกว่าโครงการเฟสแรก โดยจะเริ่มทยอยทำบันทึกข้อตกลงได้ในปี 2654
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.จะปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยที่จะจองซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท รวมถึงปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่กรมธนารักษ์คัดเลือกมาก่อสร้างโครงการอีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 3,000 ล้านบาท
สำหรับสินเชื่อที่ปล่อยให้กับรายย่อยในปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี ปีที่ 2 คิดอัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี และปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี หรือเฉลี่ย 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 3.12% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ในช่วง 1-3 ปีแรก ผู้กู้ในโครงการนี้มีภาระผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 4,400 บาท ส่วนปีที่ 4-5 ผ่อนชำระเดือนละ 5,500 บาท และปีที่ 6 เป็นต้นไป ผ่อนชำระเดือนละ 6,100 บาท โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระ 30 ปี
ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯใน 1 ปีแรก จะคิดอัตราดอกเบี้ย 4% ปีที่ 2 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1 หรือเท่ากับ 4.75% โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระ 5 ปี
ทั้งนี้ นอกจาก ธอส.ที่ปล่อยกู้ใน 2 โครงการนี้แล้ว ยังมีธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทยที่จะเข้ามาร่วมด้วย แต่ในรายละเอียดยังต้องไปหารือกันอีกครั้งก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/finance/news-507686
Person read: 2127
19 August 2020