5 เทคนิคการเลือกกระเบื้องปูพื้น

กระเบื้อง วัสดุพื้นฐานที่มีความหลากหลายและสามารถเลือกใช้ได้กับหลายพื้นที่ในบ้าน ข้อดี คือ การทำความสะอาดง่าย หาซื้อได้ไม่ยาก หากชำรุดก็เปลี่ยนเฉพาะบางแผ่นได้ แต่จะเลือกกระเบื้องแบบไหนให้เข้ากับบ้านนั้น วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ มาฝากกัน

       สำหรับคนที่กำลังปรับปรุงหรือสร้างบ้านใกล้จะสำเร็จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว งานโครงสร้างหลักของบ้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเกือบเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงขั้นตอนส่วนตกแต่งจิปาถะต่างๆ ที่แม้จะเป็นงานที่ดูยิบย่อย แต่ก็อย่าได้มองข้ามความสำคัญไปเสียเพราะต้องใช้เวลาและความใส่ใจไม่แพ้กัน จุดนี้เราจะมาโฟกัสไปที่กระเบื้องปูพื้นถึงเทคนิคเคล็บลับต่างๆ ในการเลือกซื้อหามาใช้งานเพื่อบ้านที่งดงามของคุณ

       1. ควรเลือกกระเบื้องที่มีความหนาเสียหน่อย กระเบื้องปูพื้นควรมีความหนามากกว่ากระเบื้องปูผนัง เพื่อการรองรับน้ำหนักจากการเดินเหยียบให้ได้มากขึ้น กระเบื้องที่ต้องปูติดกับพื้นบ้านผิวหน้าควรจะเคลือบด้านหรือมีความสากเล็กน้อยสำหรับป้องกันการลื่นไถลเวลาเดิน

       2. ขนาดสัดส่วนของกระเบื้องปูพื้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกขนาดกระเบื้องให้สัมพันธ์กับการใช้งานในห้องนั้นๆ เช่น กระเบื้องปูพื้นขนาด 12 x 12 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับปูห้องโถงทั่วไป ขนาดใหญ่พอเหมาะ ไม่เป็นตารางถี่มากนัก ส่วนห้องน้ำก็เลือกใช้กระเบื้องขนาดเล็กลงมา เพิ่มตารางความถี่ให้เป็นเหมือนเพิ่มพื้นที่ผิวหยาบเพื่อลดอุบัติการณ์เดินลื่นล้มในห้องน้ำ หันมาใช้กระเบื้องปูพื้นขนาดประมาณ 8 x 8 ตารางนิ้วก็เพียงพอ

       3. สีกระเบื้องที่สวยงามและเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน นอกจากจะเลือกสีให้สวยงามตามความชอบของคุณแล้ว ควรเลือกให้ตอบโจทย์ความเหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่การใช้งานแถมไปด้วย ก็จะได้ประโยชน์เป็น 2 เท่า

              สีโทนอ่อน
             เริ่มที่สีโทนอ่อนสบายตาเหมาะกับการใช้กับห้องภายในอาคาร เพราะกระเบื้องสีอ่อนจะมีปัญหาเรื่องความสกปรกที่เห็นได้ง่าย ถ้านำไปปูอยู่นอกอาคาร ผิวกระเบื้องก็ต้องสัมผัสกับแดด ลม และฝนตลอดเวลา ทำให้เกิดริ้วรอยด่างและคราบต่างๆ ขึ้นมาชัดเจน บดบังลวดลายที่เคยสวยงามและเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกไปซะเปล่าๆ  จึงควรเลือกปูพื้นที่ในอาคาร และกระเบื้องโทนสีอ่อนยังสามารถเข้าไปเสริมจุดอ่อนให้กับพื้นที่ห้องขนาดเล็กเพราะทำให้ห้องแคบๆ ดูกว้างขึ้นได้อีกด้วย
 
              สีโทนเข้ม 
             กระเบื้องโทนสีเข้มขรึมเหมาะกับพื้นที่นอกอาคาร ที่ต้องโดดแดดฝนอยู่บ่อยๆ ริ้วรอยต่างๆ ที่จะไม่เห็นเด่นชัด  หรือพื้นที่ภายในบ้านส่วนที่ต้องรองรับการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์วางสิ่งของจำนวนมากๆ พื้นผิวที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี คราบน้ำมัน น้ำ อยู่บ่อยๆ เช่น ห้องครัว โรงรถ ห้องน้ำ ระเบียง เพราะกระเบื้องในโทนสีเข้มจะช่วยลดปัญหาในการทำความสะอาด ดูแลรักษาได้ง่าย ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย  เราก็แค่เลือกเสริมคุณสมบัติความทนทานเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เลือกกระเบื้องสีเข้มชนิดที่มีการเคลือบพิเศษ และมีความแข็งแรงสามารถรับแรงกดที่สูงกว่าปกติ

       4. ลวดลายกระเบื้อง นอกจากโทนสีและขนาดแผ่นกระเบื้องแล้ว ลวดลายบนแผ่นกระเบื้องในปัจจุบันก็มีลวดลายให้เราเลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งลายรูปร่างที่ต่อเนื่องกันเป็นชุดใหญ่ ลายที่เลียนแบบพื้นผิวตามธรรมชาติ จนไปการออกแบบลวดลายเฉพาะตามที่คุณต้องการก็สามารถทำได้

              ลวดลายขนาดใหญ่ 
              มักเป็นลวดลายที่ไม่มีความต่อเนื่อง จบลวดลายไว้ใน 1 แผ่น มักจะใช้ผสมผสานกับกระเบื้องลายเรียบ เพื่อเพิ่มจุดสนใจให้กับพื้นที่ เราจึงไม่ควรเลือกให้กระเบื้องที่มีลวดลายใหญ่ทั้งหมดในพื้นที่ที่ต้องการพักผ่อน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เพราะลายกระเบื้องจำนวนมากๆ จะทำให้เราลายตา น่าเวียนหัวจนเกินไป

              ลวดลายขนาดเล็ก 
              มักเป็นรูปแบบของลายที่ต่อเนื่อง ต้องใช้กระเบื้องหลายแผ่นถึงจะได้ลายที่กำหนดไว้ เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความสวยงามเป็นพิเศษ หรือห้องที่ต้องการโชว์ความสวยงามให้แก่เพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยียน เช่น โถงรับแขก ห้องน้ำ ระเบียง

              กระเบื้องปูพื้นลายไม้สัก เลียนแบบพื้นผิวแบบธรรมชาติ
              ภายใต้ความสวยงามของกระเบื้องปูลายไม้  ยังมีคุณสมบัติซ่อนอยู่มากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่สามารถ ยังมีความคงทน ดูแลรักษาง่าย ไม่ดูดซับความชื้น ไม่ขยายตัวหรือโก่งงอในสภาพอากาศร้อนหรือชื้นจนเกินไป ไม่สึกหรอจากการทำความสะอาดเป็นประจำ และสามารถรับน้ำหนักได้ดี  กระเบื้องปูพื้นลายไม้สักสามารถนำไปปูระเบียง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องครัว  

              นอกเหนือจากคุณประโยชน์มากมาย กระเบื้องปูพื้นลายไม้สักจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลามธรรมชาติ ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย กระเบื้องปูพื้นลายไม้สักยังถือเป็นลวดลายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วยโทนสีและลวดลายสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ เลียนแบบลวดลายเนื้อไม้สักทองตามธรรมชาติ จะช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้าน อาคาร หรือพื้นที่ใช้สอยของเราดูสวยงามขึ้น

       5. เลือกซื้อเกรดคุณภาพของกระเบื้องตามท้องตลาด ตามทั่วไปนั้นกระเบื้องปูพื้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ

              กระเบื้องปูพื้นแบบมาตรฐาน สภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยตำหนิ สีเรียบเสมอกันทั้งแผ่น หรือจะรู้จักกันทั่วไปว่า กระเบื้องปูพื้นเกรดเอ
              กระเบื้องปูพื้นแบบมีตำหนิ สภาพไม่สมบูรณ์ 100% มีตำหนิอยู่บ้างแต่ไม่มีเกิน 3 จุดและสังเกตได้ยาก เรียกว่า กระเบื้องปูพื้นเกรดบี

 

       กระเบื้องเกรดบีที่มีตำหนิอาจจะนำมาใช้ปูในห้องที่ไมได้โชว์พื้นผิวการใช้งานหรือลวดลายเป็นหลัก อย่างห้องเก็บของหรือส่วนที่มาได้โชว์ภายในบ้าน แต่ส่วนใหญ่เราก็คงต้องมองหากระเบื้องเกรดเอมาใช้งานปูพื้นให้กับบ้านของเราอยู่แล้ว  โดยเฉพาะการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นจำนวนมากเพื่อใช้ในห้องเดียว ควรตรวจสอบมาตรฐานของกระเบื้องปูพื้นให้ดีว่ามีรอยตำหนิหรือสีเรียบเสมอกันหรือไม่ เพราะถ้ามีตำหนิก็จะเห็นเด่นชัดอยู่ในห้อง และควรกะจำนวนเผื่อในกรณีเกิดความเสียหายระหว่างปูหรือซ่อมแซมในภายหลังด้วย

       Tip
       สำหรับท่านที่อาจกำลังมีช้อยส์เลือกใช้กระเบื้องยางปูพื้นห้องอยู่ในใจ เรามีข้อเปรียบเทียบการใช้งานระหว่างกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องยางมาให้พิจารณากันครับ  กระเบื้องเคลือบ มีความสวยงาม คงทน พื้นผิวสามารถทนต่อการกัดกร่อนของกรดและรอยด่างได้อย่างดี ดูแลรักษาง่าย เวลาเดินอาจจะเกิดเสียงดัง และเมื่อน้ำหกลงบนพื้นกระเบื้องจะลื่นมาก  ส่วน กระเบื้องยาง นั้นเมื่อใช้ไปนานๆ มักจะเกิดรอยขีดข่วนง่าย ลดความสวยงามลงไป ไม่ทนต่อกรดและด่าง เมื่อเปื้อนแล้วทำความสะอาดยาก ในขณะที่กระเบื้องยางมีผิวสัมผัสนิ่ม เวลาเดินจะไม่เกิดเสียงดัง นิยมใช้ปูพื้นในห้องนั่งเล่นหรือในห้องนอน

ที่มา: www.scgbuildingmaterials.com


จำนวนผู้อ่าน: 3547

22 กันยายน 2017